April 30, 2024   7:52:34 AM ICT
รุ่นนี้...แขวนแล้วรวย
 

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :

 

          วันนี้ Financial Intelligence มีทีเด็ด เคล็ดไม่ลับมาแจกจ่ายให้ได้ทราบกันค่ะ  ใครอยากรวย รับไปได้เลย ปลุกเสกมาแล้วอย่างดี แถมเก่าแก่เป็นแน่แท้ เพราะมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล... เพื่อให้เข้ายุคเข้าสมัย เกาะกระแสแบบไม่ตกเทรนด์ อยากรวย   ต้องลองแขวนดูค่ะ

          ช่วงนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน จะเดินไปที่ใด เรามักเห็นหลายๆ คนแขวนองค์ท้าวจตุคามรามเทพ เห็นกันได้ตั้งแต่เด็กประถม วัยรุ่น ผู้ใหญ่วัยทำงาน ผู้อาวุโส เรียกว่าทุกช่วงทุกวัย แม้วัยจะแตกต่าง หน้าที่การงาน ภาระความรับผิดชอบจะแตกต่าง แต่ก็มีจิตใจที่ศรัทธาเหมือนกัน การมีศรัทธาที่มุ่งมั่นในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ถือเป็นสิ่งที่ดี  หากศรัทธานั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของการมีปัญญา เพราะทุกอย่างต้องการความสมดุล การมีความศรัทธาจึงต้องอาศัยปัญญามาเป็นเครื่องถ่วงดุล

        มิฉะนั้นแล้ว ศรัทธาแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่ลืมหูลืมตา จะกลายเป็นความเชื่อที่งมงายไปในที่สุด อยากให้ท่านที่แขวนองค์ท้าวจตุคามรามเทพ หรือพระเกจิอาจารย์ชื่อดังองค์อื่นๆ ได้ลองถามตัวเองว่า ท่านรู้จักองค์เทพหรือ พระอาจารย์ที่ท่านเคารพนับถือดีพอแล้วหรือยัง  องค์ท้าวจตุคามรามเทพท่านมีคุณงามความดีอย่างไรบ้าง ประวัติความเป็นมาท่านเป็นอย่างไร ท่านบำเพ็ญบารมีอย่างไร หากลองทำความรู้จักองค์ท่านแล้ว ศรัทธาจะเพิ่มขึ้นทวีคูณ ด้วยเข้าใจในคุณงามความดี จนเป็นที่ปรากฏของท่าน ซึ่งเราจะได้น้อมนำมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพให้เจริญรุ่งเรือง

          เชื่อว่าหลายๆ คน ไม่เคยรู้ที่มา ที่ไปขององค์เทพเทวา หรือพระอาจารย์ที่ตนเองนับถือ ศรัทธา ได้แต่มีสัญลักษณ์ มีวัตถุที่เป็นตัวแทนคุณงามความดีของท่านไว้ในครอบครอง แล้วก็อ้อนวอนขอให้ประสบความสำเร็จ ขอให้ร่ำรวย มีเงินมีทอง มีโชคมีลาภ

        มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มักจะขอ ขอ ขอ ขอโน่นขอนี่ขอนั่น ขอกันสารพัด ขอทุกอย่าง การขอโดยไม่ลงมือทำ คงยากที่ปาฏิหาริย์จะเกิด เพราะปาฏิหาริย์ที่แท้เกิดได้จากการกระทำ การลงมือปฏิบัติเพื่อขจัดอุปสรรคให้หมดสิ้นไป  ใครอยากรวย คงต้องลงมือทำ ขยันทำมาหากิน ตั้งใจทำงานและที่สำคัญ คือต้องหมั่นพัฒนางาน ไม่ใช่สักๆ แต่ว่าทำให้เสร็จๆ ไปวันๆ  แต่ต้องคิด คิด คิด ทบทวนงานที่ทำอยู่ตลอดเวลาว่าจะพัฒนางานอย่างไรได้บ้าง จะทำอย่างไรให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะเพิ่มคุณภาพงานได้อย่างไร จะปรับปรุงสูตรอาหาร สูตรขนมที่ร้านได้อย่างไรบ้าง จะมีวิธีลดต้นทุน ค่าใช้จ่ายได้อย่างไร

          ความจริงแล้ว หากเราเอาใจไปใส่ไว้ในงานที่ทำ เราต่างมีเรื่องให้คิด คิด คิด เยอะแยะมากมายเพื่อให้เกิดการพัฒนาในงานที่ทำ แต่กลับกลายเป็นว่า ในขณะที่มือทำงาน ใจเรากลับไม่ได้อยู่กับงาน ล่องลอย ฟุ้งซ่านไปสารพัดเรื่อง ความหวังที่จะก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือหวังให้ค้าขายดีๆ มีกำไรเยอะๆ มีเงินมีทอง จึงถูกนำไปฝากไว้ให้เป็นภาระขององค์เทพ เทวดา เพื่อไม่ให้เป็นภาระของท่านมากเกินไปนัก

          วันนี้เลยจะขอให้ทุกท่านได้ลองพิจารณาหลักปปัญจะ หรือปปัญจธรรม ๓ ซึ่งองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้ตั้งแต่สมัยพุทธกาลที่ว่าด้วยเรื่องของกิเลส ทรงสอนว่ากิเลสเป็นตัวขวางกั้นไม่ให้เราเข้าถึงความจริง กิเลสเป็นตัวการที่อยู่เบื้องหลังความคิดปรุงแต่งต่างๆ นานา ซึ่งทำให้เราห่างไกลออกไปจากความเป็นจริง และก่อปัญหามากมาย รวมทั้งปิดกั้นหนทางในการแก้ไขปัญหาของเราด้วย

          ปปัญจธรรม ๓ ประกอบด้วย ๑. ตัณหา ๒. ทิฎฐิ และ ๓. มานะ ซึ่งทั้งสามข้อนี้เป็นตัวการสำคัญที่ก่อกำแพงกิเลสในตัวเรา เริ่มจากตัณหาหรือความอยากได้ อยากมี ความปรารถนาที่จะปรนเปรอตัวเองแบบไม่ยั้งคิด ไม่ได้คิดว่าสิ่งนั้นเหมาะสม มีประโยชน์กับตัวเองหรือไม่ แต่อยากได้ อยากมีเพียงเพื่อสนองความต้องการของตน ให้ความต้องการเป็นใหญ่จนขาดความคอบรอบในการพิจารณาความเหมาะสม หรือคุณค่าที่จะได้รับจากความปรารถนานั้น

          ส่วนทิฎฐิ หรือความเชื่อ ความคิดเห็น รวมทั้งความยึดติดที่เลยเถิดจนงมงาย ทั้งความยึดติดในทฤษฎี ในหลักการหรือความเชื่อในลัทธิหรือปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกินพอดี ทิฎฐิมักเป็นเหตุให้เกิดการปิดกั้น ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่เปิดใจรับฟังเหตุผล ปิดบังหนทางแห่งปัญญา ความงมงายอย่างไร้ปัญญาทำให้คิดเข้าข้างตนเอง เข้าใจว่าตนเองทำถูกต้องแล้ว ทำในสิ่งที่ควรกระทำแล้ว รวมทั้งอาจจะบีบคั้นให้ผู้อื่นต้องเห็นด้วยกับตนเอง

          สำหรับมานะ หรือความถือตัว ความสำคัญตนเองว่ายิ่งใหญ่ไม่มีใครเทียบได้ ความอยากโดดเด่น อยากเป็น อยากยิ่งใหญ่ไม่ต้องการให้ใครเทียบได้ ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบของกำแพงกิเลสที่ปิดกั้นโอกาส ขวางทางแห่งปัญญาของเรา

          ที่เราอยากรวย อยากได้ อยากมี อยากเป็น แต่ไม่อยากทำก็เพราะกิเลส ที่ปิดหู ปิดตาเรา ทำให้เราไม่เปิดใจยอมรับความจริง ทำให้เราหวังพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หวังโชคหวังลาภ หวังฟ้าประทาน หวังบุญบันดาล หลงเชื่ออย่างไม่มีเหตุผล ขาดสติในการไตร่ตรอง จนอาจจะทำให้เสียงาน เสียการ หรืออาจถูกหลอกลวงให้เสียทรัพย์สินเงินทองจากผู้ไม่หวังดี ที่ใช้จุดอ่อนจากความอยากได้ อยากมี อยากเป็นของเรามาทำร้ายตัวเราเอง ซึ่งก็มีตัวอย่างให้เห็นมากมายในสังคม

          ใครอยากร่ำอยากรวย คงต้องแขวนกิเลส แขวนตัณหา ทิฎฐิ มานะเหล่านี้ให้ได้ ต้องถอดให้ออกมาจากใจแล้วหาที่แขวนไว้ไกลตัวที่สุด  เมื่อทำลายกำแพงกิเลสลงได้ เราได้มองตนเองอย่างรอบคอบ จะได้เห็นความเป็นเหตุเป็นผล จะได้เข้าใจตนเองว่าเพราะเหตุใดจึงยังไม่รวย เพราะยังไม่ขยันทำมาหากิน เพราะพฤติกรรมการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไม่พอดี หรือเพราะยังไม่พอ มีเยอะแยะอยู่แล้วก็ยังอยากรวยเพิ่มอีก

          คงต้องลองทบทวนตนเองอย่างมีสติ จะได้หาหนทางในการเพิ่มความรวยให้กับตนเองได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ พอดีไม่หลงมัวเมา หรืองมงายจนเป็นปัญหาที่สายเกินแก้ ต้องลองถอดกิเลส ตัณหา ทิฎฐิ มานะไปแขวนไว้ให้ไกล  รับรองแขวนแล้วรวยแน่นอน

เข้าชม: 1,955

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com