May 7, 2024   10:20:10 PM ICT
ทุน & การเก็งกำไร

ในขณะที่นักลงทุนในตลาดหุ้นกำลังช่วยกันมองหาว่า แนวรับและแนวต้านของดัชนีที่เหมาะสมยามนี้ ควรจะอยู่ที่เท่าใด เพื่อจะได้ตัดสินใจ “ซื้อ” หรือ “ถือ” หรือ “ขาย” ได้ถูกต้อง นักเศรษฐศาสตร์ระดับมหภาค ก็กำลังตั้งคำถามว่า จะรักษาดุลยภาพของตลาดเงินอย่างไร เพื่อป้องกันมิให้ทุนที่ไหลเคลื่อนตัวรวดเร็ว ทำให้เสถียรภาพของตลาดเงินผันผวนจนควบคุมไม่อยู่
          นี้คือ ทางสองแพร่ง หรือ ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ของโลกแห่งทุนนิยมในยามนี้ซึ่งนับวันจะกลายเป็นคำถามน่าปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ
          เหตุผลก็คือ หากยังไม่สามารถถอดรหัสเพื่อแก้โจทย์ข้างต้นนี้ได้ ก็ต้องยอมรับว่าความผันผวนทางเศรษฐกิจเป็นกลไกที่เลี่ยงไม่พ้น หรือสูตรสำเร็จของทุนนิยม ที่ต้องมีผู้สังเวยกับความล้มเหลวในบางช่วง
          เรื่องนี้ ขนาดนักเศรษฐศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่หลายต่อหลายสำนักของโลกทุนนิยม ก็ยังแก้โจทย์ไม่ออก เพราะโดยข้อเท็จจริง ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และภูมิปัญญาในการจัดการระบอบเศรษฐกิจ ได้พัฒนาการมาถึงขั้นที่ว่า คนเราสเริ่มสามารถที่จะควบคุมความผันผวนของเศรษฐกิจโลกในส่วนที่เป็นภาคการผลิตที่แท้จริงได้มากกว่าในอดีตหลายร้อยเท่าไม่ว่าจะเป็นกระบวนการการลงทุนทางตรง การค้า การผลิตสินค้า และเทคโนโลยี แต่ยังคงล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงกับความพยายามที่จะควบคุมความผันผวนจากการเคลื่อนย้านทุนเก็งกำไรระดับโลกที่แต่ละวันมีมูลค่ามากกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
          ทุนเก็งกำไรโลกาภิวัตน์นี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสร้างความมั่งคั่งในกระบวนการผลิตซ้ำ หรือ เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการค้าของโลก แต่มีไว้เพื่อสั่งสมกำไรให้มีขนาดใหญ่มากขึ้นไปเรื่อยๆไม่มีจุดจบ และที่สำคัญ ยังไม่มีทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ใดๆที่สามารถอธิบายพฤติกรรมการเก็งกำไรนี้ได้ดี
          มีเพียงทฤษฎีว่าด้วย behavioral finance เท่านั้น ที่ให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นมาได้บ้างแต่ ทฤษฎีนี้ก็เต้มไปด้วยสูตรและสัญญะคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนเกินกว่าสามัญมนุษย์จะเข้าใจได้ถ่องแท้ โดยไม่ผ่านการถอดรหัส
          ที่ร้ายไปกว่านั้น ความผันผวนที่การเคลื่อนย้ายทุนเก็งกำไรสร้างขึ้นมา ถือว่า มีส่วนทำให้เกิดความเสียหายต่อภาคการผลิตและเศรษฐกอิจที่แท้จริงได้เช่นกัน อย่างน้อยนที่สุดทำให้ความเชื่อมั่นในการบริโภค และการลงทุนชะลอตัวลงอย่างมีนัย
          ข้อเท็จจริงนี้ ทำให้บางครั้ง การทบทวนเกี่ยวกับผลบวกของการเก็งกำไรซึ่งเกิดจากการเคลื่อย้ายทุนข้ามประเทศขนาดมหึมา กลายเป็นเรื่องจำเป็นขึ้นมา แต่ ประเด็นน่าสนใจก็คือ ความพยายามใดๆที่จะควบคุมการเก็งกำไรโดยตรง ก็ไม่ใช่คำตอบที่พึงปรารถนา เพราะอาจจะเข้าข่าย”หวังดี ประสงค์ร้าย”ได้ง่ายมาก
          นักคิดในระบบทุนนิยม นับแต่ยุคของอาดัม สมิธเป็นต้นมา เชี่อมั่นและพยายามพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่า การเก็งกำไร และนักเก็งกำไร ได้สร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงให้กับภาพรวมของเศรษฐกิจทุนนิยม
          เหตุผลที่นำมาอ้างกันคือ นักเก็งกำไร และการเก็งกำไร ทำหน้าที่ดูดซับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับกลไกทุนนิยมเอาไว้เสียเอง ในขณะที่ส่งผลให้เกิดสภาพคล่องเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในตลาดเงินและตลาดทุน อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้การผูกขาดทุนของกลุ่มทุนธนาคาร ลดน้อยถอยลงไป นอกเหนือจากการที่บริษัทที่กลายสภาพเป็นมหาชนจดทะเบียนในตลาดทุน ต้องสร้างกระบวนการธรรมาภิบาลอย่างจริงจัง เพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้มาซึ่งทุนที่มีต้นทุนต่ำ และไม่ต้องเสียอัตราดอกเบี้ย
          นักเก็งกำไร 3 ประเภทที่เป็นผลพวงของตลาดเก็งกำไร คือ นักเก็งกำไรที่รอบคอบ(hedgers) นักเก็งกำไรข้ามตลาด(arbitrageurs) และ นักเก็งกำไรแมงเม่า( speculators)ล้วนมีส่วนทำให้สภาพของตลาดเก็งกำไรเต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา ไม่ว่าพวกเขาเหล่านี้จะประสบชะตากรรมแบบเดียวกับสูตรของพาเรโต (ที่ว่า โอกาสกำไร 20% โอกาสเจ๊ง80%)
          ทุนเก็งกำไรในโลกปัจจุบัน แม้จะยังมีสาระอย่างเดิมนั่นคือ มุ่งไปที่การแสวงหาส่วนต่างของราคาตราสารเก็งกำไรเป็นสำคัญ แต่ ความซับซ้อนและเทคโนโลยีในการเก็งกำไรที่พัฒนาขึ้นตลอดเวลายาวนานกว่า 500 ปี นับแต่ตลาดหุ้นและตลาดโภคภัณฑ์ในเวนิส ถูกคิดค้นขึ้นมาในปลายยุคกลางเป็นต้นมา ทำให้มูลค่าของตลาดเก็งกำไรใหญ่โตเสียจนกระทั่งมากเกินกว่าที่กลไกเศรษฐกิจของภาคการผลิตที่แท้จริงจะรับมือได้เพียงพอ
          ผลลัพธ์ก็คือ ปรากฎการณ์ที่เรียกกันว่า “คำสาปของผู้ชนะ”(ผู้ชนะกินรวบ ผู้แพ้ตายเรียบ) ยังคงเพ่นพ่านชนิดที่ยากจะแก้ไขเยียวยาได้ง่ายๆ
          เช่นเดียวกันกับพฤติกรรมครอบงำราคาของนักลงทุนขาใหญ่ ทั้งที่เรียกกันว่าspeculative attacks และ cornering the markets ก็ยังคงเห็นได้เรื่อยๆอย่างชวนให้วิพากษ์และโจมตี
          เพียงแต่ว่า เสียงวิพากษ์ทางลบเกี่ยวกับการเก็งกำไรดังกล่าว ก็ยังคงแค่เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการเติบใหญ่ในลักณะ “คู่แฝด”ของตลาดเก็งกำไรต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
          เหตุผลก็คือว่า โลกนี้ ไม่ได้อยู่ได้ด้วยเพียงแค่อุดมคติของนักจริยธรรมอย่างเดียวแต่ต้องพึ่งพาสัญชาตญาณดิบของมนุษย์รวมเข้าไว้ด้วย
          นักจริยธรรมมือถือสากปากถือศีล มีให้เห็นถมถืดไปในบ้านเมืองเรา
          ด้านหนึ่งก็พร่ำพูดเรื่อง“พอเพียง” แต่มือก็เล่นหุ้นเป็นระวิงไม่เว้นวัน ไม่เล่นเอง ก็ให้เมีย หรือ เมียน้อยเล่น

ข่าวหุ้น

เข้าชม: 2,126

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com