หุ้น ไทยหุ้น ตลาดหุ้น สนทนาเรื่องหุ้น สังคมของนักลงทุน

STEC

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส
ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 50 ลงมากถึง 34% จากคาดการณ์เดิม ด้วยสมมุติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเหลือเพียง 2.75% จากเดิมที่ 2.95% นอกจากนี้ได้ปรับค่าใช้จ่ายขาย-บริหารให้เพิ่มขึ้น ตามแนวโน้มที่เกิดขึ้นมาหลายไตรมาสแล้ว ส่วนปี 51 ปรับลดกำไรสุทธิต่อหุ้นลง 3% ตามการปรับค่าใช้จ่ายขาย-บริหารให้เพิ่มขึ้น

บล.กิมเอ็ง
ตั้งแต่ต้นปี STEC ได้งานใหม่มูลค่าเพียง 4.4 พันล้านบาท ทำให้ยอดงานในมือลดลงเหลือเพียง 1.65 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3/50 อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า STECจะได้งาน Pre-assembly modules มูลค่าประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และงานสร้างโรงงานปิโตรเคมีมูลค่า 800-900 ล้านบาทเร็วๆ นี้ ซึ่งจะช่วยให้ยอดงานใหม่ปีนี้ถึง 8พันล้านบาทตามที่ตั้งเป้าไว้ เราคาดว่าทั้งสองโครงการนี้จะมีอัตรากำไรที่สูงกว่า 10%ซึ่งจะช่วยให้อัตรากำไรของปีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย

บล. กรุงศรีอยุธยา
ประเด็นที่คาดหวังถึงการลงทุนระบบสาธาณูปโภคของภาครัฐที่อาจมีมากขึ้นภายใต้รัฐบาลชุดใหม่และโครงการรถไฟฟ้าที่จะมีความคืบหน้าที่ชัดเจนขึ้นในปี 51 (โดยสายสีแดงเป็นเส้นทางแรกที่จะทราบผลประมูลและเริ่มก่อสร้างได้ทันในปี 51) ซึ่ง STEC เป็น 1 ใน3 ของผู้รับเหมายักษ์ใหญ่ของประเทศคาดว่าจะได้รับอานิงสงค์ ยังคงเป็นประเด็นให้ยังมีแรงเก็งกำไรในหุ้น STEC ในช่วงปีข้างหน้า แต่ระยะสั้น AYS แนะนำให้ระมัดระวังมากขึ้นเพราะกังวลว่า 4Q50 STEC อาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนการก่อสร้างที่กำลังปรับตัวสูงขึ้นจาก 3Q50

บล.เกียรตินาคิน
บริษัทยังคงเน้นการรับงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่เฉลี่ย 10-15% คาดคาดหวังการรับงานจากต่างประเทศงานประเภทโครงการก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมี โดยคาดว่าจะทราบในช่วง 4Q50-1Q51 นอกจากนั้นบริษัทมีโอกาสที่ดี จากการประมูลโรงไฟฟ้า IPP และ SPPที่คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าในปี 50-51 ซึ่งจากประวัติการรับงานของบริษัทที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงจุดเด่นที่บริษัทมีความชำนาญในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า และโรงงานปิโตรเคมี

บริษัทหลักทรัพย์ ซื้อ ขาย ถือ ราคา/บาทบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส - / - 5.84บล.กิมเอ็ง - / - 5.00บล.กรุงศรีอยุธยา / - - 7.00บล.เกียรตินาคิน / - - 6.80

ข่าวหุ้น

เข้าชม: 1,533