April 29, 2024   7:57:49 AM ICT
TMB

ธนาคารทหารไทย (TMB)    

ยังตั้งเป้าธุรกิจระมัดระวังมากในปี 2551๊รอสรุปแผนหลัง ING เข้า เม.ย.นี้       ขาย

* ตั้งเป้าสินเชื่อต่ำมากเทียบกับคู่แข่ง...รอแผน ING เม.ย.นี้ 
* ยังไม่เห็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังได้พันธมิตรใหม่
* คงมุมมองเดิมให้ขาย...ผลการดำเนินงานปี 2551  ยังความเสี่ยงมาก
* FACT: ตั้งเป้าสินเชื่อต่ำมากเทียบกับคู่แข่ง...รอแผน ING เม.ย.นี้

        ภาพรวมที่ได้จากการประชุม Analyst เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่สร้างความประทับใจมากนัก
โดยธนาคารฯ เปิดเผยแผนธุรกิจในปี 2551 คาดสินเชื่อสุทธิเติบโตเพียง 5% yoy NIM เท่ากับ 2.6%
(ทั้งที่มีการปรับโครงสร้างเงินฝากไปมากโดยปัจจุบันมีสัดส่วนเงินฝากระยะสั้นต้นทุนต่ำ ได้แก่ กระแสราย
วันและออมทรัพย์ถึง 41% ของเงินฝากรวม) รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเติบโต 20% yoy เนื่องจาก
ยังมีผลกระทบจากการปรับโครงสร้างธุรกิจภายใน อีกทั้ง แผนงานดังกล่าวต้องรอผลสรุปร่วมกันกับพันธมิตร
ใหม่ได้แก่ ING Bank ซึ่งจะเริ่มเข้ามาบริหารงานอย่างเต็มที่ในเดือน เม.ย.51 อย่างไรก็ตาม
ธนาคารฯ เปิดเผยว่าแนวโน้มของแผนธุรกิจปี 2551 คงไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนมากนัก ซึ่ง ING Bank จะ
เข้ามาเพื่อปรับปรุงโครงสร้างธุรกิจในแต่ละฝ่าย และเพื่อสนับสนุนให้แผนงานดังกล่าวเป็นไปตามเป้าที่ตั้ง
ไว้เท่านั้น โดยผลบวกน่าจะเริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ ปี 2552 เป็นต้นไป สำหรับเป้าหมายการลด NPL ไม่
คาดหมายจะเห็นการลดลงอย่างมีนัยฯ เช่นกัน โดยคาดไว้ที่ระดับเพียง 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ NPL
ต่อสินเชื่อรวม ลดลงเหลือราว 13% ยังสูงกว่าเป้าหมายที่เปิดเผยไว้ว่าจะลดลงเหลือต่ำกว่า 10% ภายใน
ปี 2551 ส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯ ในปี 2551 ยังไม่มีผลสรุปที่ชัดเจนเช่นกัน ซึ่งต้องรอถึงเดือน เม.ย.51
นี้

* IMPACT: ยังไม่เห็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหลังได้พันธมิตรใหม่
        ฝ่ายวิจัยมีความเห็นว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2551 แม้จะกลับแสดงกำไรสุทธิได้ แต่ไม่
คาดหมายจะกลับคืนสู่ระดับปกติที่เคยกระทำได้ (ราว 8 พันล้านบาท/ปี) และ Synergy ในระยะยาวที่
คาดว่าจะเกิดขึ้นจากพันธมิตร ING Bank แม้จะมีปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหารจาก ING Bank เข้ามา
เสริมทีม โดยเฉพาะสินเชื่อ Corporate และ Retail (ING Bank มีแผนจะปรับปรุงโครงสร้างสินเชื่อ
ของธนาคารฯ โดยจะเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยสู่ระดับ 30% จากปัจจุบันที่ 16% ของสินเชื่อรวม ภายใน
ระยะเวลา 8 ปี ซึ่งค่อนข้างนานมาก) ซึ่งเป็นจุดอ่อนของธนาคารฯ แต่ฝ่ายวิจัยมีความเห็นว่านโยบายที่
เปิดเผยนั้น ยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้ว่าจะนำไปสู่การเติบโตที่โดดเด่นเช่นเดียวกับ ธ.พ. ขนาด
ใหญ่อื่นๆ 

* คงมุมมองเดิมให้ขาย...ผลการดำเนินงานปี2551 ยังความเสี่ยงมาก 
        ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำเดิมให้ขาย จนกว่าจะได้รับการยืนยันแผนธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงไปใน
ทิศทางบวกมากกว่านี้ โดยราคาหุ้นปัจจุบันยังสูงกว่า Fair value ที่ระดับเดียวกับ BV ปี 2551 คือ
1.15 บาท และยังไม่คาดหมายการจ่ายเงินปันผลในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า แม้คาดผลการดำเนินงานปี

21 ม.ค.--บมจ.หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส
2551 จะฟื้นตัวเป็นกำไร แต่อยู่ภายใต้ความเสี่ยงหลักโดยเฉพาะเรื่องการขาย NPL ซึ่งยังไม่รวมถึง
สินทรัพย์รอการขายอื่นๆ ที่อาจเกิดการด้อยค่าต่อเนื่องอีก

เข้าชม: 1,508

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com