May 3, 2024   4:23:26 PM ICT
VNG

บมจ. วนชัย กรุ๊ป (VNG)                    เต็มมูลค่า
ราคาปิด (บาท)                              3.64
ราคาเป้าหมาย (บาท)                         4.25
SET Index                               740.65
                                            
Stock Information                           
หุ้นที่ออกและชำระแล้ว (ล้านหุ้น)              1303.00
ราคาพาร์ (บาท)                            1.00
Free Float (%)                          38.50
มูลค่าตลาด (ล้านบาท)                     4743.00
Foreign Limit (%)                       49.00
                                            
Major Shareholders                          
บริษัท เดอะ วนชัย กรุ๊ป อ๊อฟ คอมปานีส์          40.40
นาย สมภพ สหวัฒน์ (%)                       4.22
บริษัท บริหารสันทรัพย์ทวี (%)                   3.29

คาดผลประกอบการไตรมาส 4/50 จะออกมาอยู่ในระดับต่ำ   
     
คงมุมมองเชิงลบในระยะกลาง
        เราคงมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มผลประกอบการในระยะกลางของ VNG ในระยะกลาง เนื่อง
จาก 1)อัตรากำไรขั้นต้นถูกบั่นทอนจากต้นทุนราคาเมทานอลที่สูงและการแข็งค่าของเงินบาท 2)การเข้าสู่
ยุคเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯอเมริกามีแนวโน้มจะกดดันอัตราการเติบโตของอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ไม้อัด และ
3)ปัญหาผลผลิตส่วนเกินของแผ่นปาร์ติเกิ้ลยังคงจำกัดโอกาสในการปรับตัวขึ้นของราคาแผ่นไม่ปาร์ติเกิ้ล ใน
ขณะเดียวกันโอกาสการเติบโตของผลประกอบการบริษัทในระยะยาวจะมาจากแผนการเพิ่มสายการผลิตแผ่น
MDF ใหม่อีก 300,000 ลูกบาศก์เมตร/ปี เป็นกำลังการผลิตทั้งหมด 870,000 ลูกบาศก์เมตร/ปีในปี
2552                
     
คาดกำไรไตรมาส 4/50 เท่ากับ 85 ล้านบาท
        เราคาดว่า VNG จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/50 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 85 ล้านบาท
(กำไรต่อหุ้น 0.06 บาท) ลดลง 25% จากไตรมาสก่อนและ 51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมี
สาเหตุหลักมาจากราคาเมทานอลที่พุ่งขึ้นสูงถึง 138% จากระดับเฉลี่ยที่ 290 เหรียญสหรัฐฯ/ตันในไตรมาส
3/50 เป็น 620 เหรียญสหรัฐฯ/ตันในไตรมาส 4/50, ฤดูฝนในภาคใต้ดันให้ราคาไม้ยางพาราปรับตัวขึ้น
15% จากไตรมาสก่อนหน้า, ราคาแผ่น MDF และปาร์ติเกิ้ลลดลงมาจาก 246 เหรียญสหรัฐฯ/ลูกบาศก์
เมตรและ 125 เหรียญสหรัฐฯ/ลูกบาศก์เมตรเป็น 240 เหรียญสหรัฐฯ/ลูกบาศก์เมตรและ 120 เหรียญ
สหรัฐฯ/ลูกบาศก์เมตรในไตรมาส 4/50 เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 4/50 ที่มีแนวโน้มจะออกมาต่ำ
กว่าคาดการณ์เดิมของเรา ดังนั้นเราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2550 ลง 3.9% เป็น 558 ล้าน
บาท (กำไรต่อหุ้น 0.43 บาท)     
     
คงคำแนะนำ "เต็มมูลค่า"
        แม้ว่าราคาหุ้นจะอ่อนตัวลงมา 33% จากจุดสูงสุดในปี 2550 และขณะนี้มีส่วนต่างจากราคา
เหมาะสมใหม่ของเราที่ 4.25 บาท/หุ้นซึ่งอิง PER ปี 2551 ที่ 8 เท่าอยู่ 16% แต่เรายังคงคำแนะนำ
เต็มมูลค่า เนื่องจากเรายังกังวลต่อปัจจัยความเสี่ยงในระยะกลางดังนี้ ต้นทุนราคาเมทานอลในระดับสูง,
ผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯต่อผลิตภัณฑ์ไม้อัด เช่น เฟอร์นิเจอร์และวัสดุก่อสร้าง ประกอบกับ
เรายังไม่เห็นปัจจัยบวกที่จะเข้ามาเสริมราคาหุ้นได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ตามเรายังชอบปัจจัยพื้นฐานใน
ระยะยาวของบริษัทตามแผนการเป็นผู้นำในการผลิตแผ่นปาร์ติเกิ้ลและ MDF ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ  
        ราคาเมทานอลในเอเชียพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 285 เหรียญสหรัฐฯ/ตันในเดือนสิงหาคมสู่
ระดับปัจจุบันที่ 720 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน เนื่องจากแผนการปิดซ่อมบำรุงสายการผลิตของผู้ผลิตรายใหญ่ใน
ยุโรป ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในระดับสูงและอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของเมทานอลในปัจจุบัน   
     
คาดกำไรปี 2551 เติบโต 24% จากปีก่อน  
        เนื่องจากราคาเมทานอลพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 720 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน เราจึงปรับลด
ประมาณการกำไรปี 2551 ของเราลง 3.5% เป็น 692 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.53 บาท) อย่างไรก็
ตามเราคาดว่ากำไรปี 2551 จะพัฒนาขึ้น 24% จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากสายการผลิต
แผ่น MDF สายที่ 2 ซึ่งมีกำลังการผลิต 220,000 ลูกบาศก์เมตร/ปีเต็มปี 2551 ในขณะที่เราคาดว่าในที่
สุดแล้วราคาเมทานอลจะปรับตัวลดลงมาสู่ระดับปกติตามการกลับมาผลิตของผู้ผลิตเมทานอลยักษ์ใหญ่ในยุโรป
ซึ่งมีกำหนดการปิดสายการผลิตเมทานอลเพื่อซ่อมบำรุงตามแผนไปในช่วงที่ผ่านมา  

24 ม.ค.--บล. กิมเอ็ง

เข้าชม: 1,656

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com