บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP)
กำไรปี 50 ออกดีกว่าคาดที่ 28,455 ล้านบาท เติบโต 1% yoy
ซื้อเก็งกำไร ราคาปิด (บาท) 147.00 ราคาเป้าหมาย (บาท) 193.00 SET Index 784.23
* ไตรมาส 4/50 กำไร 7,480 ล้านบาท เติบโต 22% yoy PTTEP ประกาศผลการดำเนินงานปี 2550 ดีกว่าที่เราคาดเล็กน้อย โดยมีกำไรสุทธิ 28,455 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 8.66 บาท เติบโต 1% จากกำไร 28,047 ล้านบาท หรือ 8.54 บาท ในปี 2549 ปัจจัยสนับสนุนผลกำไรในปีที่ผ่านมาก็มาจากราคาจำหน่ายและปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมที่เพิ่ม ขึ้นมาก โดยราคาจำหน่ายปิโตรเลียมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 9% เป็น 39.78 เหรียญ/บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จาก 36.52 เหรียญ/บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในปี 2549 ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมก็เติบ โต 6% เป็น 179,767 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน จาก 169,348 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน ในช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการผลิตที่เพิ่มขึ้น 20% yoy, ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น มาประมาณ 10% yoy, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น 10% yoy และค่าใช้จ่ายในการสำรวจแหล่ง น้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูง 3.5 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (มีการตัดค่าใช้จ่ายหลุมแห้ง หลายหลุมในปีที่ผ่านมา) ก็ทำให้ผลกำไรไม่ได้เติบโตมากนัก สำหรับไตรมาส 4/50 ผลกำไรอยู่ที่ 7,480 ล้านบาท หรือ 2.27 บาท/หุ้น เติบโต 22% yoy จากปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมและราคาจำหน่ายที่ เพิ่มสูงขึ้นเป็นปัจจัยหลัก
* ปีนี้คาดกำไรเติบโตสูง 28% yoy จากปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้น เราคาดว่าผลกำไรในปีนี้ของบริษัทจะเติบโตสูงถึง 28% yoy เป็น 36,445 ล้านบาท คิดเป็น กำไรต่อหุ้น 11.09 บาท ซึ่งผลกำไรที่จะเติบโตอย่างโดดเด่นในปีนี้เป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่าย ปิโตรเลียมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 24% yoy เป็น 223,334 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน จากโครงการ อาทิตย์ที่จะผลิตก๊าซ 330 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ในไตรมาส 1/51 รวมไปถึงโครงการอาทิตย์เหนือ (PTTEP ถือหุ้น 100%) ที่จะผลิตก๊าซ 120 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันในไตรมาส 3/51 และ โครงการเวียดนาม 9-2 (PTTEP ถือหุ้น 25%) ที่จะผลิตน้ำมันดิบ 20,000 บาร์เรล/วัน ในไตรมาส 3/51 รวมไปถึงราคา จำหน่ายปิโตรเลียมที่ยังคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในระดับสูง
* แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 193 บาท บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลในครึ่งปีหลัง 1.67 บาท หลังจากที่ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไป แล้ว 1.61 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งปี 3.28 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 2.2% ราคาหุ้น ปัจจุบันมี upside อยู่ 31% จากราคาทีเหมาะสมของเราที่ 193 บาท จากราคาน้ำมันที่ยังยืนระดับสูงและ ผลกำไรปีนี้ที่จะเติบโตอย่างโดดเด่น ทำให้เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร สำหรับ PTTEP
* ไตรมาส 4/50 ราคาจำหน่ายปิโตรเลียมพุ่งขึ้น 29% yoy เป็น 46.28 เหรียญ/บาร์เรล ในไตรมาส 4/50 บริษัทมีปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 12% yoy เป็น 184,867 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากโครงการโอมาน 44, ภูฮ่อมที่เปิดดำเนินการผลิตเชิง พาณิชย์ไปในปีที่ผ่านมา บวกกับการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติของโครงการไพลิน, บงกชและยาดานาที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมของโครงการ B8/32&9A จะลดลงก็ตาม ในส่วนของราคาจำหน่าย ปิโตรเลียมเฉลี่ยในไตรมาสนี้ก็เพิ่มขึ้นมาก 29% yoy เป็น 46.28 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องมาจากราคาน่ำ มันดิบในตลาดโลกที่สูงขึ้นมากบวกกับการปรับราคาจำหน่ายก๊าซของโครงการบงกช,ไพลิน และเยตากุนใน เดือนตุลาคมที่ผ่านมาและปรับราคาก๊าซในโครงการยาดานาในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาด้วย ในไตรมาสนี้ บริษัทมีการตัดจำหน่ายหลุมแห้งส่วนใหญ่ในโครงการเวียดนาม 16-1 และอัลจีเรีย 433A&416B ด้วย นอก จากนั้นแล้วบริษัทยังมีการบันทึกผลขาดทุนจากการทำอนุพันธ์ทางการเงินเพื่อประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน ล่วงหน้าอีก 858 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันในไตรมาส 4/50 ได้ปรับเพิ่มขึ้นสูงเกินกว่าราคาที่บริษัท ได้ทำสัญญาไว้ จึงทำให้เกิดค่าเสียโอกาสจากการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันล่วงหน้าดังกล่าว
* ปริมาณสำรองพิสูจน์แล้วเพิ่มขึ้น 2.5% yoy บริษัทรายงานปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้ว (Prove reserve) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 คิดเป็นปริมาณน้ำมันดิบและคอนเดนเสทประมาณ 196 ล้านบาร์เรลและเป็นก๊าซธรรมชาติประมาณ 4,844 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน หรือรวมทั้งหมด 946 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 2.5% yoy และหากพิจารณาจากกำลังการผลิตปัจจุบันในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 223,334 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ต่อวัน ปริมาณสำรองที่มีอยู่จะสามารถผลิตไปได้อีกประมาณ 12 ปี (อย่างไรก็ตามปริมาณสำรองจะเพิ่มขึ้น ได้อีกหลังจากโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาสามารถประกาศดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้)
* ความล่าช้าของโครงการอาทิตย์ส่งผลกระทบไม่มาก เนื่องจากการพัฒนาโครงการอาทิตย์ได้ล่าช้ากว่าแผนเดิมซึ่งเคยกำหนดการเริ่มผลิตในปี 2550 และสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติของโครงการอาทิตย์ระบุให้ในกรณีที่ผู้ขายไม่สามารถส่งมอบก๊าซธรรมชาติใน วันและปริมาณที่กำหนดได้ ผู้ซื้อมีสิทธิรับซื้อก๊าซธรรมชาติสำหรับปริมาณที่ขาดส่ง (Short Fall) ในราคา ร้อยละ 75 ของราคาขาย ณ วันที่เกิดการขาดส่งขึ้น ทั้งนี้ ปตท.ในฐานะผู้ซื้อพร้อมรับซื้อและได้แจ้งจำนวน ก๊าซธรรมชาติที่จะรับซื้อแล้วในต้นเดือนธันวาคม 2550 แต่ ปตท.สผ. ในฐานะผู้ขายไม่สามารถนำส่งได้ จึงทำให้ ปตท.สผ. อาจจะมีความเสี่ยงที่ต้องรับภาระในการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติสำหรับปริมาณก๊าซ ธรรมชาติที่ขาดส่ง โดยคิดเป็นส่วนของ ปตท.สผ. จำนวนเงินประมาณ 791 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ขณะ นี้ ปตท.สผ. และผู้ร่วมทุนโครงการอาทิตย์ในฐานะผู้ขายอยู่ในขั้นตอนของการขอหลักฐานจากผู้ซื้อเพื่อเป็น ข้อยืนยันว่าผู้ซื้อพร้อมที่จะรับก๊าซธรรมชาติในปริมาณดังกล่าวได้จริง เราเห็นว่าแม้กรณีแย่สุดที่ทาง PTTEP จะต้องรับภาระประมาณ 791 ล้านบาทคิดเป็นประมาณ 2.2% ของประมาณการผลกำไรในปีนี้ แต่ก็ไม่ได้ กระทบกับผลกำไรและมูลค่าของบริษัทมากนัก ดังนั้นเราจึงยังไม่มีการปรับประมาณการจนกว่าจะมีความ ชัดเจนในเรื่องดังกล่าว
บล.กิมเอ็ง
|