May 3, 2024   1:57:50 PM ICT
TTA

โทรีเซนไทย เอเยนซีส์ (TTA)

คาดกำไร 1Q51 เติบโต 77% YoY และ 41% QoQ
        AYS คาดการณ์ผลประกอบการ 1Q51 ของ TTA จะมีกำไรปกติ 1,517 ล้านบาท (+77% YoY,
+41% QoQ) และกำไรสุทธิ 1,832 ล้านบาท (+62% YoY, +58% QoQ) จาก TC Rate ที่เพิ่มขึ้น 15%
QoQ เป็น 20,800 US$/day/ship ซึ่งจะส่งผลบวกต่อรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น กอปรกับเรือให้
บริการนอกชายฝั่งทำรายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ สำหรับแนวโน้มปี 51 เราคาดว่า BDI จะทรงตัวในระดับ
สุงใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากอุปสงค์และอุปทานเติบโตในอัตราที่ใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม เราปรับ TC
Rate ของ TTA ลดลงจากเดิม 18,000 US$/day/ship (+20% YoY) เป็น 17,700 US$/day/ship
(+15% YoY) เนื่องจากภาวะอากาศที่เลวร้ายในหลายประเทศในภูมิภาคนี้อาจทำให้ธุรกรรมการขนส่ง
ชะลอการฟื้นตัวออกไป โดยเฉพาะจีนและอินโดนีเซียซึ่งเป็นเส้นทางหลักของ TTA ทั้งนี้จึงปรับประมาณการ
กำไรปกติปี 51 ลดลงจากเดิม 8% เป็น 5,748 ล้านบาท และปรับ Fair Price ลดลงจาก 65.50
บาทเป็น 52 บาท ประเมินโดยอิง P/E 6 เท่า คงคำแนะนำ Trading

ประเด็นสำคัญ
        * ผลประกอบการ 1Q51 ของ TTA (ต.ค. - ธ.ค. 50) ได้รับอานิสงส์จากค่าระวางเรือเท
กองที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในเดือน พ.ย. โดยคาดว่าจะมีกำไรปกติ 1,517 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% YoY และ
41% QoQ และกำไรสุทธิ 1,832 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% YoY และ 58% QoQ  
        * ทำสัญญาระยะยาวล่วงหน้าสิ้นสุดปี 51 ไปแล้วในอัตรา 40% ของกองเรือทั้งหมด และใน
เดือน ม.ค. 51 ค่าระวางเฉลี่ยยังสูงในระดับ US$18,000 ต่อเรือต่อวัน ลดลงจากระดับ US$20,000
ต่อเรือต่อวันใน 4Q50 เพียงเล็กน้อย ไม่ผันผวนรุนแรงตาม BDI
        * คาดค่าระวางเรือเทกอง (BDI) ในปี 51 จะทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่อง
จากอุปสงค์และอุปทานเติบโตใกล้เคียงกัน
        * ปรับประมาณการกำไรปกติปี 51 ลดลง 8% เป็น 5,748 ล้านบาท จากการปรับคาดการณ์ TC
Rate ในปี 51 ลดลงเล็กน้อยจาก US$18,000 (+20% YoY) เป็น 17,700 (+15% YoY) ต่อเรือต่อ
วัน และปรับ Fair price ลดลงจาก 65.50 บาทเป็น 52 บาท อิง Norm EPS ปี 51 ที่ 8.66 บาท
และ P/E 6 เท่า (ค่าเฉลี่ยในอดีต) คงคำแนะนำ Trading

ผลประกอบการ 1Q51 ของ TTA (ต.ค. - ธ.ค. 50) ได้รับอานิสงส์จากค่าระวางเรือเทกองที่เพิ่มขึ้น
สูงสุดในเดือน พ.ย. โดยคาดว่าจะมีกำไรปกติ 1,517 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% YoY และ 41% QoQ และ
กำไรสุทธิ 1,832 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% YoY และ 58% QoQ      
        ผลประกอบการ 1Q51 ของ TTA (ต.ค. - ธ.ค. 50) ยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดย
ได้รับอานิสงส์จากค่าระวางเรือเทกอง (BDI) ที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดในเดือน พ.ย. 50 ส่งผลให้ TTA
สามารถปรับอัตราค่าเช่าสำหรับเรือที่ยังไม่ได้ทำสัญญาระยะยาวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในงวดนี้ TTA จะมี
กำไรปกติ 1,517 ล้านบาท เติบโต 77% YoY และ 41% QoQ จากรายได้ 5,983 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
33% YoY และ 5% QoQ โดยเรือเทกองมีรายได้ 5,035 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% YoY และ 7% QoQ
จากสมมติฐาน TC Rate US$20,800 ต่อเรือต่อวัน เพิ่มขึ้น 63% YoY และ 15% QoQ และกองเรือ
เฉลี่ย 44.3 ลำ ลดลงจาก 44 ลำในไตรมาสก่อน เนื่องจากจำหน่ายเรือออกไป 1 ลำในเดือน ต.ค.
50 ส่วนธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งมีรายได้ 949 ล้านบาท ลดลง 5% YoY แต่เพิ่มขึ้น 10% QoQ เนื่อง
จากเรือขุดเจาะน้ำมันให้บริการได้เพียง 1 ลำ อีกลำหนึ่งใช้เวลาในการเข้าอู่แห้งนานกว่าที่คาด อย่างไร
ก็ตามเรือให้บริการนอกชายฝั่งทำรายได้เพิ่มขึ้นในงวดนี้ ทั้งนี้จากการสูงขึ้นของ TC Rate ทำให้คาดว่า
อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 35% เทียบกับ 29% ในงวดเดียวกันของปีก่อน และ 32% ในไตรมาสก่อน
เป็นผลให้กำไรปกติเติบโตในอัตราที่สูง ส่วนรายการพิเศษในงวดนี้คาดว่าจะมี FX Gain 119 ล้านบาท
จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบ QoQ และกำไรจากการจำหน่ายเรือ 1 ลำจำนวน 197 ล้าน
บาท ทำให้มีกำไรสุทธิ 1,832 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% YoY และ 58% QoQ

ทำสัญญาระยะยาวล่วงหน้าสิ้นสุดปี 51 ไปแล้วในอัตรา 40% ของกองเรือทั้งหมด และในเดือน ม.ค. 51
ค่าระวางเฉลี่ยยังสูงในระดับ US$18,000 ต่อเรือต่อวัน
        สัดส่วนการทำสัญญาระยะยาวล่วงหน้าสิ้นสุดปี 51 เพิ่มขึ้นเป็น 40% (จาก 21% ในช่วงสิ้น
4Q49) ของกองเรือทั้งหมด แบ่งเป็นเรือที่ทำสัญญาระยะยาว (Long Term Charter) 23% และเรือที่
ทำสัญญาระยะยาวโดยระบุสินค้า (COA) อีก 17% ความผันผวนของ BDI ในช่วงนี้จึงไม่ส่งผลกระทบต่อ TC
Rate ใน 2Q51 มากนัก โดยในเดือน ม.ค. 51 TC Rate เฉลี่ยยังสูงอยู่ในระดับ US$18,000 ต่อเรือ
ต่อวัน ทั้งนี้คาดว่า BDI ที่ลดลงในช่วงนี้เกิดจากธุรกรรมการขนส่งที่ชะลอตัวชั่วคราว จากเทศกาลตรุษจีน
และการเจรจาที่ยังตกลงกันไม่ได้ ระหว่างจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าสินแร่เหล็ก กับผู้ส่งออกจากบราซิล
ออสเตรเลีย และอัฟริกาใต้ ในการปรับเพิ่มราคาสินแร่เหล็กเพิ่มขึ้น ทำให้อุปสงค์ชะลอตัวชั่วคราว จึงคาด
ว่า BDI จะฟื้นตัวขึ้นเมื่อผู้ส่งออกและผู้นำเข้าสินแร่เหล็กตกลงกันได้ รวมถึงธุรกรรมที่จีนกลับสู่ภาวะปกติ
หลังภาวะอากาศที่เลวร้ายคลี่คลายลง

คาด BDI ในปี 51 จะทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากอุปสงค์และอุปทานเติบโตใกล้เคียง
กัน อย่างไรก็ตาม ปรับคาดการณ์ TC Rate ในปี 51 ลดลงเล็กน้อยจาก US$18,000 (+20% YoY)
เป็น 17,700 (+15% YoY) ต่อเรือต่อวัน       
        สำหรับทิศทางของ BDI ในปี 51 แม้ว่าปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้ม
รุนแรงกว่าที่คาดไว้ แต่เนื่องจากเรือเทกองใช้ขนส่งสินค้าวัตถุดิบเป็นหลัก และความต้องการสินค้ามีมากใน
ประเทศจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง จึงไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากนัก นอกจาก
นั้น ความต้องการและปริมาณเรือต่อใหม่ในปี 51 คาดว่าจะเติบโตอัตราที่ใกล้เคียงกัน โดยความต้องการ
เรือเทกองคาดว่าจะเติบโต 5% YoY ในขณะที่คำสั่งซื้อ (Order book) ของเรือเทกองที่จะส่งมอบในปี
51 มีจำนวน 29 ล้าน DWT คิดเป็นสัดส่วน 7% ของระวางเรือเทกองในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ระดับ 362.3 ล้าน
DWT แต่หากคำนึงถึงความล่าช้าในการส่งมอบเรือ ซึ่งจากข้อมูลในอดีตเรือที่ส่งมอบได้ทันตามกำหนดมีสัด
ส่วนเพียง 70% ของคำสั่งซื้อ จึงคาดว่าในปี 51 จะมีเรือต่อใหม่เข้ามาในระบบเพียง 20 ล้าน DWT หรือ
เพิ่มขึ้นเพียง 5% YoY (ยังไม่คำนึงถึงเรือเก่าที่อาจปลดระวางเพิ่มขึ้น) เราจึงคาดว่า BDI ในปี 51
โดยเฉลี่ยจะทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียงกับปี 50 ในส่วนของ TTA ภาวะอากาศที่แปรปรวนในหลาย
ประเทศในภูมิภาคนี้ อาทิเช่นจีนซึ่งเกิดหิมะตกหนัก และอินโดนีเซียที่มีฝนตกหนัก อาจทำให้ธุรกรรมการผลิต
ของอุตสาหกรรมต่างๆ ชะลอออกไป และอาจส่งผลกระทบต่อค่าระวางของ TTA สำหรับเรือที่ยังไม่ได้ทำ
สัญญาระยะยาว เนื่องจากจีนและอินโดนีเซียเป็นเส้นทางหลักของ TTA เราจึงปรับคาดการณ์ TC Rate
ในปี 51 ลดลงเล็กน้อยจาก US$18,000 (+20% YoY) เป็น 17,700 (+15% YoY) ต่อเรือต่อวัน 

ปรับประมาณการกำไรปกติปี 51 ลดลง 8% เป็น 5,748 ล้านบาท และปรับ Fair price ลดลงจาก
65.50 บาทเป็น 52 บาท อิง Norm EPS ปี 51 ที่ 8.66 บาท และ P/E 6 เท่า (ค่าเฉลี่ยในอดีต)
คงคำแนะนำ Trading     
        เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 51 ลดลง 8% จาก 6,413 ล้านบาท เป็น 5,748 ล้านบาท
เติบโต 35% YoY โดยมี Norm EPS 8.66 บาท เพิ่มขึ้น 31% YoY (สมมติฐานจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจากการ
แปลงสภาพหุ้นกู้ คำนวณโดยเฉลี่ยตามอายุหุ้นกู้คือ 5 ปี) จากการปรับสมมติฐาน TC Rate ลดลงเป็น
US$17,700 ต่อเรือต่อวัน รวมทั้งปรับจำนวนวันเดินเรือของเรือขุดเจาะน้ำมันลดลง 16% เป็น 548 วัน
เนื่องจากเรือ 1 ลำเข้าอู่เพื่อซ่อมใหญ่นานกว่าคาด ตลอดจนปรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทแข็งค่าขึ้นเป็น
33 บาทต่อ US$ อย่างไรก็ตามกำไรปกติยังคงเพิ่มขึ้น 35% YoY เนื่องจาก TC Rate ที่เพิ่มขึ้น 15% YoY
ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะสูงขึ้นเป็น 36.5% เทียบกับ 32.3% ในปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ผลจากการปรับ
ลดประมาณการ ทำให้ Fair price ปรับลดลงจาก 65.50 บาท เป็น 52 บาท ประเมินโดย อิง P/E
6 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในอดีต ขณะที่ปัจจุบัน P/E ลดลงเหลือ 4.5 เท่า ซึ่งหากพิจารณาจาก P/E Band
จะเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง คงคำแนะนำ Trading 


คำแนะนำในการลงทุน

ซื้อ       -  หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและคาดหวังอัตราผลตอบแทนรวมจากการลงทุนเกินกว่า 10%
            ภายในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้า
ถือ       -  หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและคาดหวังอัตราผลตอบแทนรวมจากการลงทุนระหว่าง 5-10%
            ภายในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้า
ขาย      -  หุ้นที่มีราคาสูงเกินกว่ามูลค่าพื้นฐาน หรือมีปัจจัยพื้นฐานอ่อนแอ
เก็งกำไร  -  หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานอ่อนแอ แต่มีประเด็นที่สามารถเก็งกำไรได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

 8 ก.พ.--บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา

เข้าชม: 1,565

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com