บมจ. ไทยสตีลเคเบิล (TSC)
คาดกำไรไตรมาส 4/50 ยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว แนวโน้มปี 2551 จะได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อใหม่ที่ต่อ เนื่อง และอุตสาหกรรมรถยนต์
ซื้อ ราคาปิด (บาท) 7.65 ราคาเป้าหมาย (บาท) 9.00 SET Index 806.44
* คาดกำไรไตรมาส 4/50 ยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวเป็น 54 ล้านบาท (-7%qoq, +127%yoy) บมจ. ไทยสตีลเคเบิล (TSC) เราคาดหมายว่าผลประกอบการไตรมาส 4/50 จะยังอยู่ในทิศ ทางที่ฟื้นตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/49 และ ไตรมาส 1-2/50 โดยประเมินว่าจะมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 54 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.21 บาท) ชะลอตัวลดลง 7% จากไตรมาสก่อน แต่ฟื้นตัวอย่างมาก จากปีก่อนถึง 127% เนื่องจาก การควบคุมค่าใช้จ่าย และ การปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงงานใหม่เริ่ม เห็นผลชัดเจนขึ้นเป็นไตรมาสที่สอง โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 4/50จะสามารถรักษาระดับได้ที่ 18.6% แต่ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 19.8% และ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดจะทรงตัวจากไตร มาสก่อนที่ 52 ล้านบาท ปรับลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 79 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนมีค่าใช้จ่ายในการย้าย โรงงาน สำหรับยอดขายคาดหมายว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 560 ล้านบาท ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน แต่ ดีขึ้นจากปีก่อน 5% รวมแล้วในปี 2550 ผลประกอบการที่ตกต่ำในไตรมาส 1-2 ได้ฉุดให้กำไรเหลือ 189 ล้านบาท ลดลง 15%
* คาดแนวโน้มปีนี้จะโตดีขึ้นจากคำสั่งซื้อของรถรุ่นใหม่ และแรงหนุนอุตสาหกรรม แนวโน้มในปี 2551 ทาง TSC ยังได้รับคำสั่งซื้อสำหรับรถโมเดลใหม่สำหรับสายควบคุมรถยนต์ ต่อเนื่องในช่วง 3 ปีนี้ คือ 1.) ปี 2551 คาด TSC จะ ได้รับคำสั่งซื้อของรถรุ่นใหม่เข้ามาทั้งหมด 5 โมเดล เป็นเวลา 4 ปี 2.) ปี 2552 คาดได้รับคำสั่งซื้อรถรุ่นใหม่ 2 โมเดล เป็นเวลา 4 ปี และ 3.) ปี 2553 คาดได้รับคำสั่งซื้อรถรุ่นใหม่ 3 โมเดล รวมกับแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ประเมินว่าทิศ ทางในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน ค่ายรถยนต์โตโยต้าประเมินยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้จะขยายตัว เท่ากับ 11% สู่ระดับ 700,000 คัน เทียบกับปีก่อนที่ติดลบ 7.5% สำหรับยอดผลิตรถยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรม ยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็ประเมินว่าจะเติบโตดีขึ้นเป็น 11% สู่ระดับ 1,427,054 คัน จากปีก่อนที่ขยายตัว 8% โดยจะได้แรงหนุนจากทั้งผลิตเพื่อส่งออก และ จำหน่ายในประเทศ ดังนั้น ในปีนี้ เราประเมิน TSC จะมียอดขายเท่ากับ 2,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 229 ล้าน บาท (กำไรต่อหุ้น 0.88 บาท ) เพิ่มขึ้น 21%
* คงคำแนะนำ ซื้อ คาดแนวโน้มจะฟื้นตัวดีขึ้น หลังชะลอตัวมา 2 ปี เราประเมินราคาเหมาะสมเท่ากับ 9 บาท ภายใต้ฐาน P/E ปี 2551 เท่ากับ 10 เท่า เช่น เดียวกับหุ้นยานยนต์อื่นๆ เราคาดหมายว่าผลประกอบการจากนี้ไปจะปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ จากผลการควบคุม ค่าใช้จ้าย และ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หลังจากที่ชะลอตัวลงมา 2 ปี จากผลการย้ายโรงงาน ดังนั้น เราจึงคงคำแนะนำ ซื้อ
บล.กิมเอ็ง
|