May 3, 2024   6:19:06 PM ICT
BANPU

บมจ. บ้านปู (BANPU)

คาดไตรมาส 4/50 กำไรโต 40% yoy ส่วนใหญ่มาจากรายการพิเศษ

ซื้อเมื่ออ่อนตัว     
ราคาปิด (บาท)        452
ราคาเป้าหมาย (บาท)   456
SET Index        806.44

* กำไรไตรมาส 4/50 เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายหุ้น ITM และ LANNA
        เราคาดว่าบริษัทจะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/50 ออกมามีกำไรสุทธิ 1,639 ล้าน
บาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 6.03 บาท เติบโต 40% yoy โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากราคาถ่านหินเฉลี่ยที่ปรับ
ตัวสูงขึ้น 17% yoy เป็น 43 เหรียญ/ตันและการรับรู้ผลกำไรพิเศษจากการจำหน่ายหุ้น ITM ประมาณ 1
พันล้านบาทและการจำหน่ายหุ้นของ LANNA ก่อนภาษีประมาณ 400 ล้านบาท แม้ว่าไตรมาสนี้ปริมาณการ
จำหน่ายถ่านหินจะลดลง 25% yoy จากปัญหาน้ำท่วมและบริษัทรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจากโรงไฟฟ้า BLCP
(BANPU ถือหุ้น 50%) เพียงแค่ 230 ล้านบาท ลดลง 62% yoy เนื่องจาก BLCP มีการเดินเครื่องครบ
ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) ในปีที่ผ่านมาแล้ว ทำให้ไตรมาสสุดท้ายจึงมีการหยุดเดินเตรื่อ
งเพื่อซ่อมบำรุงประมาณ 2 เดือน บวกกับบริษัทยังคงมีการตัดจำหน่ายเหมือง LP-2 ประมาณ 100 ล้าน
บาทหลังจากที่ปิดเหมืองไปในปีนี้ หากตัดรายการพิเศษออกบริษัทจะมีกำไรปกติจากการดำเนินงานเพียง
574 ล้านบาท หรือ 2.11 บาท ลดลง 60% yoy

* ปรับสมมติฐานราคาถ่านหินปีนี้เป็น 55 เหรียญ/ตัน 
        เราปรับสมมติฐานราคาจำหน่ายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 11% จาก 45 เหรียญ
/ตัน เป็น 55 เหรียญ/ตัน (ปัจจุบันบริษัทได้ทำสัญญาจำหน่ายไปแล้ว 66% อยู่ที่ระดับราคาประมาณ 52
เหรียญ/ตัน) จากการที่ราคาถ่านหิน spot ปัจจุบันยังคงยืนสูงอยู่ที่ 122 เหรียญ/ตัน เพิ่มขึ้นมา 36% จาก
ต้นปีและ 137% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการใช้ถ่านหินที่ยังคงแข็งแกร่ง บวก
กับปัญหา supply ถ่านหินในประเทศจีน, อินโดนีเซีย, แอฟริกาใต้และออสเตรเลีย เรามองว่าแนวโน้ม
ราคาถ่านหินจะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 เดือนจากการที่จีนประสบปัญหาพายุหิมะ
อย่างหนักทำให้ต้องงดส่งออกถ่านหินบวกกับความต้องการที่แข็งแกร่ง, supply ที่ยังตึงตัว จากการปรับ
สมมติฐานราคาถ่านหินเพิ่มขึ้น แต่ลดปริมาณการผลิตลงจาก 20 ล้านตันเป็น 19 ล้านตัน (สมมติฐาน
อย่างอนุรักษ์นิยม) ทำให้ประมาณการผลกำไรในปีนี้ถูกปรับเพิ่มขึ้นอีก 4.1% เป็น 7,598 ล้านบาท หรือ
27.96 บาท/หุ้น เติบโต 20% yoy

* ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 456 บาท แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว
        จากการปรับประมาณการผลกำไรในปีนี้ ทำให้ราคาที่เหมาะสมใหม่ของบริษัทตามวิธี
sum-of-the-part เพิ่มขึ้นเป็น 456 บาท อย่างไรก็ตามราคาหุ้นปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นมาถึง 27% ใน 1
เดือน ได้ตอบรับปัจจัยบวกไปมากแล้ว จนราคาปัจจุบันมี upside เพียงแค่ 1% จากราคาที่เหมาะสมใหม่
ของเรา ดังนั้น เราแนะนำให้รอ ซื้อเมื่ออ่อนตัว สำหรับ BANPU โดยมองระดับราคาเข้าซื้อที่ระดับ 420
บาท

* แนวโน้มราคาถ่านหินยังยืนสูง
        ราคาถ่านหินล่าสุดที่ประกาศออกมาสัปดาห์ก่อนทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 122.40 เหรียญ/ตัน เพิ่มขึ้น
36% จากต้นปีและ 137% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเรายังมองแนวโน้มราคาถ่านหินยังคงแข็งแกร่ง
อยู่จากการที่จีนต้องงดส่งออกถ่านหิน 2 เดือน (ก.พ.-มี.ค.) เนื่องจากพายุหิมะ บวกกับแอฟริกาใต้ก็มี
ปัญหาขาดแคลนถ่านหินและ supply จากทั้งอินโดนีเซียและออสเตรเลียก็ยังมีปัญหาอยู่ ทำให้ราคายังน่าจะ
ยืนสูงได้ต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนนี้ ประกอบกับ supply ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในตลาดก็มีแนวโน้มลดลงไม่ว่า
จะเป็นประเทศจีนเองที่ปี 2549 ส่งออกถ่านหิน 68 ล้านตัน ลดลงเหลือ 53 ล้านตันในปี 2550 และคาด
ว่าจะลดลงเหลือเพียง 30-40 ล้านตันในปีนี้ ส่วนอินโดนีเซียเองก็มีปริมาณการส่งออกที่ลดลงโดยในปีก่อน
ส่งออกเพิ่มขึ้นประมาณ 15 ล้านตัน (จากปริมาณส่งออกทั้งปีที่ 200 ล้านตัน) คาดว่าจะมีปริมาณการส่ง
ออกลดลงเหลือเพียง 8-12 ล้านตันในปีนี้จากปัญหาน้ำท่วมเช่นปีก่อน ในส่วนของออสเตรเลียเองปีก่อนมี
การส่งออกลดลงจากปีก่อนไป 2 ล้านตันและคาดว่าปีนี้จะกลับมาส่งออกเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 5 ล้านตัน (จาก
ปริมาณส่งออกทั้งปีที่ประมาณ 120 ล้านตัน) ซึ่งยังคงน้อยมากเมื่อเทียบกับภาวะปกติที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้นปี
ละประมาณ 10 ล้านตัน เนื่องจากยังมีปัญหาการขยายท่าเรือที่ไม่ทันต่อความต้องการขนส่ง จากผลดังกล่าว
ทำให้เรามองว่าราคาถ่านหินในปีไม่น่าจะปรับลดลงไปต่ำกว่า 80 เหรียญ/ตัน ในส่วนของราคาจำหน่าย
ถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทนั้นเราปรับสมมติฐานราคาจำหน่ายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 11% จาก
45 เหรียญ/ตัน เป็น 55 เหรียญ/ตัน (ปัจจุบันบริษัทได้ทำสัญญาจำหน่ายไปแล้ว 66% อยู่ที่ระดับราคา
ประมาณ 52 เหรียญ/ตัน) แต่คาดว่ามีโอกาสปรับขึ้นไปถึง 60 เหรียญ/ตันได้หากราคาถ่านหินยืนเหนือ
100 เหรียญ/ตันได้

* คาดไตรมาส 4/50 กำไรเติบโต 40% yoy
        ในไตรมาส 4/50 เราคาดว่าบริษัทจะมีปริมาณการจำหน่ายถ่านหินอยู่ที่ 4.9 ล้านตัน ลดลง
25% yoy ซึ่งทำให้ปริมาณการจำหน่ายถ่านหินทั้งปีอยู่แค่ 19.2 ล้านตัน ลดลง 12% yoy และต่ำกว่าที่ตั้ง
เป้าไว้ประมาณ 10% เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมและการขนส่งในอินโดนีเซียเป็นปัจจัยหลัก ในขณะที่ราคา
จำหน่ายถ่านหินจะเพิ่มขึ้น 17% yoy เป็น 43 เหรียญ/ตัน ตามราคา spot ถ่านหินที่เพิ่มสูงขึ้น และการ
รับรู้ผลกำไรพิเศษจากการจำหน่ายหุ้น PT Indo Tambangraya Megah Tbk (ITM : บริษัทลูกใน
ประเทศอินโดนีเซีย) ประมาณ 1 พันล้านบาท (กำไรหลังหักภาษี 930 ล้านบาท) และการจำหน่ายหุ้นของ
LANNA ก่อนภาษีประมาณ 400 ล้านบาท (มีการจำหน่ายไป 0.95% หรือ 3.33 ล้านหุ้น ในไตรมาส
3/50 และประมาณ 7% ในไตรมาส 4/50 คงเหลือประมาณ 2% หรือ 7 ล้านหุ้น ไว้ทยอยจำหน่ายจนกว่า
จะหมด โดยมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 3 บาท/หุ้น) ในไตรมาสนี้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจากโรงไฟฟ้า BLCP
(BANPU ถือหุ้น 50%) เพียงแค่ 230 ล้านบาท (เป็นกำไรปกติประมาณ 130 ล้านบาทและที่เหลือเป็น
กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน) ลดลง 62% yoy เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการรับรู้ผลกำไรจาก BLCP
ประมาณ 613 ล้านบาท เนื่องจาก BLCP มีการเดินเครื่องครบตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA)
ในปีที่ผ่านมาแล้ว ทำให้ไตรมาสสุดท้ายจึงมีการหยุดเดินเตรื่องเพื่อซ่อมบำรุงประมาณ 2 เดือน ผลกำไรจึง
ลดลง บวกกับบริษัทยังคงมีการตัดจำหน่ายเหมือง LP-2 ประมาณ 100 ล้านบาทหลังจากที่เหมืองได้ปิดใช้
งานไปในปีนี้ จากผลดังกล่าวทำให้เราคาดว่าบริษัทจะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/50 ออกมามี
กำไรสุทธิ 1,639 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 6.03 บาท เติบโต 40% yoy

* ไตรมาส 1/51 จะมีการบันทึกำไรพิเศษจากการจำหน่าย AAGI อีก 278 ล้านบาท
        บริษัทได้แจ้งการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท Asian American Gas, Inc. (AAGI) ออกไป
ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยบริษัท BP Overseas Development Co., Ltd. (BPOD) (ซึ่งเป็นบริษัท
ย่อยที่บริษัท ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 100)  ได้จำหน่ายหุ้นทั้งหมดในบริษัท AAGI จำนวน 32,530,590 หุ้น เท่า
กับร้อยละ 17.03 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายทั้งหมด ให้แก่บริษัท China CBM Investment Holdings
Limited โดยผู้ซื้อได้ชำระราคาค่าหุ้นให้แก่บริษัท BPOD และบริษัท BPOD ได้ดำเนินการส่งมอบหุ้นให้แก่ผู้
ซื้อเรียบร้อยแล้ว บริษัท BPOD มีผลกำไรสุทธิหลังหักภาษีจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท AAGI รวมทั้ง
สิ้นประมาณ 8.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 278 ล้านบาท บริษัท AAGI เป็นบริษัทที่ทุนในโครงการสำรวจ
และผลิตก๊าซมีเธนในเหมืองถ่านหิน 2 โครงการในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยปัจจุบันทั้ง 2
โครงการยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการสำรวจและยังคงใช้เงินลงทุนอีกมาก บริษัท จึงเห็นว่าการจำหน่าย
เงินลงทุนดังกล่าวจะช่วยให้บริษัท มีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้นในการลงทุนในธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้า
ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไปตามกลยุทธ์ของบริษัท ทั้งนี้บริษัทจะบันทึกกำไรพิเศษนี้ในไตรมาส
1/51

 บล.กิมเอ็ง

เข้าชม: 1,554

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com