กบข. ประเมินผลตอบแทนตลอดปี 2551 ติดลบอยู่ที่ 6-7% หลังเศรษฐกิจโลกตกต่ำ เตรียมปรับกลยุทธ์ลงทุนปี 2552 พลิกผลตอบแทนเป็นบวก เล็งกระจายความเสี่ยงผ่านพันธบัตรระยะสั้น ไพรเวทอิควิตี้ที่ลงทุนหุ้นทั้งในและต่างประเทศ และอสังหาริมทรัพย์
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยถึงผลตอบแทนตลอดปี 2551นี้ อาจติดลบ 6-7% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการติดลบจากการลงทุนในตลาดหุ้นที่มีการปรับลดมูลค่าลงมาก จากวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐ และเศรษฐกิจโลกตกต่ำ โดยวิกฤติดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยลดลงจากต้นปีถึง 50-55% ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศลดลงเฉลี่ยประมาณ 30-35% ทั้งนี้ผลตอบแทนการลงทุนของกบข. ย้อนหลัง 12 เดือน ( ตุลาคม 2550 – กันยายน 2551) ติดลบ 4.45%
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าเชื่อว่าอัตราผลตอบแทนของ กบข. จะพลิกกลายเป็นบวกได้ จากราคาหุ้นที่ดีดตัวก่อนภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้น ขณะเดียวกันมองว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ย่ำแย่เมื่อเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงปี 2540 โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของประเทศปีหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 1.0-2.0%
ทั้งนี้ กบข.อยู่ระหว่างการทบทวนสัดส่วนการลงทุนใหม่ ซึ่งจะมีความสอดคล้องกับโครงสร้างตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และเน้นการกระจายความเสี่ยงมากขึ้นผ่านการลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น และการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกต่างๆ เช่น กองทุน Private Equity ที่ลงทุนในหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในส่วนที่เป็นอาคารเช่าและอพาร์ตเมนต์ที่มีการทำสัญญาระยะยาว โดยเฉพาะอาคารสำนักงานที่เป็นพื้นที่ให้เช่าซึ่งให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 6-8% มาโดยตลอด
นายวิสิฐกล่าวต่อว่า ตามปกติกองทุนเงินออมระยะยาวนั้น สมาชิกควรดูผลตอบแทนเป็นแบบพิจารณาย้อนหลัง 3 ปี 5 ปี ซึ่งไม่ควรดูเป็นรายปี เพราะต้องยอมรับว่าในปีนี้เป็นปีที่ไม่ปกติ ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมา สมาชิก กบข. ได้รับผลตอบแทนสะสม โดยหากสมาชิก กบข. ที่เริ่มเข้าร่วมตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทุนช่วงปี 2540-2550 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 8.24% ขณะที่ผลตอบแทนสุทธิย้อนหลัง 3 ปี ( ปี2548-2550 ) อยู่ที่ 6.47% และย้อนหลัง 5 ปี ( ปี 2546-2550 ) อยู่ที่ 6.61%
Thunhoon |