May 21, 2024   1:54:18 AM ICT
หุ้นรับเหมาไม่หมดข่าว

ตลาดหุ้นไทยช่วงสั้นอาจเผชิญแรงขายทำกำไร  ชี้โผคณะรัฐมนตรี (ครม.) อภิสิทธิ์ 1 พอทำงานได้  ชู “กรณ์ จาติกวณิช” นั่งขุนคลัง สามารถสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้พอสมควร ขณะที่หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ยังมีแรงเก็งกำไร รับโครงการเมกะโปรเจกต์ ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนในการแถลงนโยบายรัฐบาลปลายเดือนนี้  ผ่า SEAFCO เบอร์หนึ่งงานฐานรากเสาเข็มเจาะ จะเป็นผู้รับผลประโยชน์รายแรก ด้าน CK – ITD – STEC เตรียมแบ่งเค็กเชื่อรับงานกันทั่วหน้า     


     ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (18 ธ.ค.) ปิดตลาดที่ 451.72 จุด เพิ่มขึ้น 5.78 จุด หรือ 1.30% มูลค่าการซื้อขายสุทธิ 13,627.10 ล้านบาท ส่วนใหญ่ยังเป็นแรงซื้อในหุ้นกลุ่มนำตลาดอาทิ พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังคณะรัฐบาลเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้แก่นักลงทุนเป็นอย่างดี โดยนักลงทุนต่างชาติขาย 181.05 ล้านบาท สถาบันซื้อ 201.25 ล้านบาท และรายย่อยขาย 20.19 ล้านบาท


     นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่าพร้อมที่จะมาคุมทีมเศรษฐกิจเอง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัว แต่ขณะนี้สิ่งที่ต้องเร่งแก้ไข คือ การฟื้นฟูความเชื่อมั่นภายในประเทศให้กลับมา หลังจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นทางการเมืองและเศรษฐกิจ


 นอกจากนี้ มองว่า ในปี 2552 สถานการณ์ของเศรษฐกิจอาจจะมีความผันผวน ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการแก้ไขและเยียวยา โดยรัฐบาลยินดีที่จะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขในการดำเนินเศรษฐกิจของประเทศ


 ขณะที่ฐานข้อมูลในปี 2519-2551 เกี่ยวกับการเกิด January Effect พบว่ามีความเป็นไปได้ถึง 70% ที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นในเดือนธันวาคม 2551 ถึง มกราคม 2552 ซึ่งในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ จะยังไม่มีปัจจัยลบรุนแรงทั้งในและต่างประเทศเข้ามากดดันภาคการลงทุนมากนัก ทำให้ Volatility ลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงที่มีการปิดล้อมสนามบิน ดังนั้นดัชนีเป้าหมายในช่วง 2 เดือน (สิ้นสุด เมษายน 2552) จึงน่าจะอยู่ที่ระดับ 516 จุด


 นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟาร์อีส จำกัด กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าเป็นการตอบรับโผรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) อภิสิทธิ์ 1 โดยเฉพาะนายกรณ์ จาติกวณิช ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความสามารถและเป็นที่ยอมรับในวงการเศรษฐกิจโดยเฉพาะแวดวงตลาดทุน เนื่องจากเคยเป็นผู้บริหารสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของต่างประเทศ ทำให้มีความรู้และเข้าใจในความเป็นไปของตลาดหุ้น รวมถึงสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด


 ขณะที่ แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (19 ธ.ค.) คาดว่าอาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างหลังหมดปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นการลงทุนอย่างเด่นชัด ภายหลังจากนักลงทุนส่วนใหญ่รับรู้ข่าวการเปลี่ยนขั้วการเมืองใหม่ไปแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้อาจต้องรอจับตาการแถลงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งน่าจะมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการสร้างเสริมความเชื่อมั่นให้กับการลงทุนอีกครั้ง


 อย่างไรก็ดี คาดว่า อาจจะมีแรงซื้อปิดงวดบัญชี (Window Dressing)ไตรมาส 4/2551 ของกองทุนต่าง ๆ เข้ามาช่วยพยุงดัชนีไม่ให้ปรับตัวลดลงแรงมากนัก ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “ทยอยขาย” โดยประเมินแนวรับ 448 จุด แนวต้าน 460 จุด


 นักวิเคราะห์หลักทรัพย์กล่าวว่า หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะได้รับประโยชน์จากการแถลงมาตรการฟื้นเศรษฐกิจของรัฐบาลปลายเดือนธันวาคมนี้ โดยหุ้น SEAFCO จะเป็นรับประโยชน์รายแรกเพราะรับงานฐานรากเสาเข็มเจาะรายใหญ่ของประเทศ และเชื่อว่า ไม่ว่าผู้รับเหมาใหญ่รายใดได้งาน SEAFCO มีโอกาสสูงที่จะมีเอี้ยวได้งานเพิ่มอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป  


     นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (18 ธ.ค.) ปรับตัวขึ้นมาตามทิศทางของดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาค ภายหลังจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกเริ่มผ่อนคลายความตึงเครียดลงบ้างในช่วงสั้น ๆ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงตอบรับกับปัจจัยเสริมดังกล่าว


 นายพิชัยกล่าวต่อว่า ขณะที่หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ราคาหุ้นได้มีการปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา (8-12 ธ.ค.) เชื่อว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการตอบรับเกี่ยวกับการมีรัฐบาลที่ชัดเจน ที่จะส่งผลดีต่อโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของประเทศ (เมกะโปรเจกต์) ให้มีความชัดเจนขึ้นโดยเร็ว ทั้งนี้มองว่า หลังจากนี้ราคาหุ้นในกลุ่มรับเหมาอาจจะเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมามาก รวมถึงปัจจัยเสริมเกี่ยวกับความชัดเจนทางการเมือง รวมถึงโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของประเทศ (เมกะโปรเจกต์) ที่นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างก็รับรู้ข่าวดีดังกล่าวไปแล้ว

 
     ส่วนแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (19 ธ.ค.) มองว่า ตลาดหุ้นอาจเกิดการพักฐานได้ หลังจากที่ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นมากว่า 15% จากระดับ 380 จุดในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงราคาหุ้นในกลุ่มต่าง ๆ ก็มีการปรับตัวขึ้นมาไกลถึง 30-40% จึงอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีแรงเทขายทำกำไรออกมาได้ในระยะสั้น ๆ ดังนั้นตลาดหุ้นช่วงสั้นจึงอยู่ในลักษณะของการแกว่งตัว


 สำหรับกลยุทธ์ลงทุน มองว่า การที่ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นมากว่า 15% จนอาจเผชิญแรงเทขายออกมาได้ในช่วงสั้น ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นมีการปรรับตัวขึ้นมา แนะนำ “ขาย” ทำกำไรออกไปก่อน โดยประเมินแนวรับที่ 440 จุด และแนวต้านที่ 455-463 จุด

Thunhoon

เข้าชม: 1,174

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com