แบงก์ขยันวิ่งยกแผง รับอานิสงส์พลังงานพักฐานช่วงนี้ โบรกคาดแม้โอเปกลดกำลังการผลิตหนุนหุ้นพลังงานเด้งไม่ไกลนัก ส่วนทิศทางหุ้นแบงก์ช่วง 2 สัปดาห์ท้ายปีแม้ผันผวน แต่อยู่ขาขึ้นมากกว่าขาลงเพราะแรงหนุนลดดอกเบี้ยทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลสภาพคล่องไหลกลับสู่ระบบมากขึ้น พ่วงปัจจัยการเมือง ขณะที่เลื่อนใช้Basel II กระตุ้นสินเชื่อแบงก์จิ๊บจ๊อย
นายกมลชัย พลอินทวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ทรีนิตี้ จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ในช่วงนี้เริ่มมีปริมาณการซื้อขาย(วอลุ่ม)เข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างหนาแน่นเนื่องจากเป็นช่วงที่กลุ่มพลังงานพักฐาน แม้ที่ผ่านมาผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) จะลดกำลังการผลิตอีก 2.2 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้กำลังการผลิตของกลุ่มเหลือเพียง 24.845 ล้านบาเรลต่อวันเชื่อว่ายังไม่สามารถหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นได้
“ปีนี้จะยังเห็นนักลงทุนเข้าลงทุนในกลุ่มพลังงานสลับกับกลุ่มแบงก์เพิ่มขึ้น หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นการลงทุนแบบเวียนกลุ่มเช่น กลุ่มพลังงาน แบงก์และสื่อสาร สำหรับหุ้นกลุ่มแบงก์นั้นในช่วงที่เหลือของปีจะเคลื่อนไหวผันผวน แต่จะปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าปรับตัวลดลง” นายกมลชัย กล่าว
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารช่วง 2 สัปดาห์ที่เหลือของปี 2551 แนะนำ “เก็งกำไร” ในหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ เช่น BBL KBANK และSCB เนื่องจากมีสัญญาณการฟื้นตัวดี อีกทั้งยังมีพื้นฐานธุรกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง สำหรับหุ้นธนาคารขนาดเล็กแนะนำ “เก็งกำไร” TMB เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคค่อนข้างดี โดยประเมินแนวรับ 0.61-0.60 บาท และแนวต้าน 0.64-0.65 บาท ส่วนปัจจัยพื้นฐานของธนาคารคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องหลังจากการได้ทีมผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหาร
นายกมลชัย กล่าวว่า หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเคลื่อนไหวตามตลาดทั้งปีนี้และปีหน้า ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่าตลาดหุ้นปี2551 จะอยู่ที่ 460-480 จุด ซึ่งหากเป็นไปได้ตามคาดจะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งดัชนีตลาดหุ้นต้นปี2552 จะเพิ่มขึ้นแตะ 550 จุด และปลายปีคาดลดลงแตะ 300 จุด ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารต้นปี 2552 จะปรับตัวดีขึ้น แนะนำ “เก็งกำไร” และช่วงปลายปี2552เป็นช่วงดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารอยู่ในช่วงขาลงตามภาวะเศรษฐกิจ แนะนำ “ชะลอลงทุน” เพราะราคาหุ้นอาจลดลงได้
นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่เหลือของปีนี้อยู่ในช่วงขาขึ้นเนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้สภาพคล่องกลับเข้าสู่ระบบมากขึ้น อีกทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากการเมืองหลังได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งมีแนวทางแก้ไขปัญหาและกระตุ้นเศรษฐกิจแม้จะเป็นนามธรรมก็ตาม
“การที่นักลงทุนหันมาลงทุนในหุ้นแบงก์ ยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนอย่างมีนัยสำคัญ แต่ถ้าดูแล้วแม้ปรับลดกำลังการผลิตของโอเปกจะไม่ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่จำนวนวอลุ่มหุ้นกลุ่มพลังงานมีมากกว่ากลุ่มแบงก์เกือบครึ่ง จึงไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนได้ว่ามีการพักฐานลงทุนกลุ่มพลังงานเพื่อลงทุนในกลุ่มแบงก์” นายอนุพนธ์ กล่าว
ด้านนางสาวชาลี กือเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้การบังคับใช้มาตรฐานเงินกองทุนใหม่ตามมาตรฐานหรือ Basel II จะมีการเลื่อนการกำหนดใช้ออกไป แต่ไม่สามารถกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้ภาคธุรกิจได้เนื่องจากมีความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว
ส่วนแนวโน้มดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปีนี้คาดจะผันผวนสูง แนะนำ “เก็งกำไร” และแนะนำ หุ้นกลุ่มธนาคารที่มีพื้นฐานดี เช่น SCB ให้ราคาเหมาะสม 62 บาท เนื่องจากธนาคารมีการขยายตัวของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยค่อนข้างดี จึงกระทบไม่มากในช่วงส่วนต่างทำกำไร(มาร์จิ้น)ลดลง อีกทั้งธนาคารมีการบริหารจัดการปล่อยสินเชื่อได้ดีและที่ผ่านมาธนาคารมีการเติบโตของสินเชื่อน้อยที่สุดในธนาคารขนาดใหญ่ จึงมีความเสี่ยงการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)น้อย
Thunhoon
|