การเมืองชัดเจน และเฟดหั่นดอกเบี้ยหนุนบาทแข็งค่าระยะสั้น สัปดาห์นี้บาทแข็งค่าเฉียด 2% คาดสิ้นปีบาทแตะ 34 ต่อดอลล์ หลังดอลล์อ่อนลงเร็วกว่าคาด ชี้หากยุโรปลดดอกตามเฟดไทยยังรับประโยชน์ต่อเนื่องเพราะส่วนต่างดอกเบี้ยสูง เริ่มเห็นสัญญาณนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นสุทธิ
นายตรรก บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทปลายปี 2551 จะแข็งค่ากว่าที่ประมาณการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณค่าเงินสกุลดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่องและรวดเร็ว แต่ต้องรอดูว่าธนาคารกลางยุโรป(ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ถึงจะสรุปได้ว่าค่าเงินบาทปลายปีนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับเท่าใด
แต่ถ้ายุโรปปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งก่อนหน้านี้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรุนแรงไปแล้ว โดยส่วนตัวมองว่าไทยจะได้รับประโยชน์เพราะมีส่วนต่างดอกเบี้ยสูง แม้จะเริ่มเห็นสัญญาณนักลงทุนเริ่มเข้ามาซื้อสุทธิเพื่อ “เก็งกำไรส่วนต่างดอกเบี้ย” มากขึ้น แต่มีนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มส่งออกออกมาจำนวนมากเช่นเดียวกัน จึงส่งผลให้ปริมาณการซื้อขาย (วอลุ่ม)ในตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก ค่าเงินบาทจึงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทวันนี้(19 ธ.ค.)อาจแข็งค่าไม่เกิน 34.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 1.97%เนื่องจากเฟดปรับลดดอกเบี้ยส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก ทั้งนี้การเมืองในประเทศเริ่มชัดเจน จึงคาดว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นได้ตามที่ประมาณการไว้
นักค้าเงินจากธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากปัจจัยที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง และการเมืองในประเทศเริ่มมีทิศทางมากขึ้น จะส่งผลให้บาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้การที่ค่าเงินบาทยังเคลื่อนไหวตามค่าเงินภูมิภาคที่แข็งค่าขึ้น จะส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ต้องเข้าดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่ามากเกินไป ซึ่งค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นแล้วประมาณ 7-8 สตางค์
“ ปัจจัยค่าเงินภูมิภาคแข็งค่า ประกอบกับไทยได้รับปัจจัยบวกการเมืองจาก 2 ปัจจัยนี้ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้แบงก์ชาติต้องเข้าดูและค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปเพื่อให้เคลื่อนไหวไปพร้อมกับค่าเงินภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมาแบงก์ชาติเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทแล้วที่ระดับต้นๆ 34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ” นักค้าเงินกล่าว
ส่วนค่าเงินบาทวันนี้(19 ธ.ค.) จะเคลื่อนไหวระดับ 34.30-34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการแข็งค่าตามค่าเงินภูมิภาค และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงต่อเนื่อง
นักค้าเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าด้วย 2 ปัจจัยด้วยกันคือปัจจัยในประเทศคือการเมืองและต่างประเทศคือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าค่าเงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวระหว่าง 34.30-34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ยังส่งผลให้ค่าเงินบาทปลายปี2551แข็งค่าด้วยเช่นเดียวกัน คาดว่าอยู่ที่ 34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐซึ่งแข็งค่าขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ปลายปีอยู่ที่ 36.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตามมองว่าค่าเงินบาทจะกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งในช่วงปี 2552 เพราะปัญหาการเมืองจะเข้ามาส่งผลกระทบอีกครั้ง จึงมองว่าค่าเงินบาทปี 2552 จะอยู่ที่ 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้
นักค้าเงินธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาท(18ธ.ค.)ปิดตลาดที่ 34.39-34.41 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งระหว่างวันแข็งค่าสุด 34.39บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และอ่อนค่าสุด 34.50บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแข็งค่ากว่าวันที่ 17 ธ.ค.ที่ 34.54 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
Thunhoon |