ทันหุ้น-บาททรงตัวในกรอบ 34.50-34.70ต่อดอลล์ หลังนักลงทุนต่างชาติชะลอลงทุน ใกล้ฉลองเทศกาล   ส่งผลเม็ดเงินบางตาขายสุทธิหุ้นไทยน้อยลง  นักลงทุนเกาะติดนโยบายรัฐบาลชุดใหม่   ถ้าทำได้จริงและกู้ความเชื่อมั่นได้  คาดเห็นเม็ดเงินไหลเข้าลงทุนตลาดไทย 

 นายสมบัติ นราวุฒิชัย  เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์  เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปี2551 เริ่มเห็นเงินทุนเคลื่อนย้ายปรับลดลงต่อเนื่องเพราะเป็นช่วงนักลงทุนต่างชาติพักการซื้อขายในช่วงเทศกาล อีกทั้งมีนักลงทุนบางส่วนทำการซื้อขายหุ้นล่วงหน้าแล้ว จึงส่งผลให้เริ่มเห็นแรงขายสุทธิหุ้นไทยน้อยลง ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทปี2551 ทรงตัวอยู่ในกรอบ 34.40-35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

 สำหรับค่าเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-34.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสัปดาห์นี้ที่ยังไม่มีปัจจัยที่เข้ามากระทบต่อค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ โดยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวตามค่าเงินภูมิภาค ขณะที่การเมืองเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดเงินและตลาดทุน แต่ต้องจับตาการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากถ้าค่าเงินดอลลาร์ผันผวนในทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่อง อาจจะส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าที่คาดไว้ 34.50-34.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้

  นายสมบัติ  กล่าวว่า ส่วนแนวโน้มเงินทุนไหลเข้าออกปี 2552 ในช่วงต้นปีตลาดจะยังนิ่งหรือมีประมาณซื้อขาย(วอลุ่ม)ไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนรอนโยบายของภาครัฐบาล ซึ่งถ้านโยบายต่างๆสามารถทำได้จริงและสามารถฟื้นความเชื่อมั่นได้ จะเริ่มมีเม็ดเงินทุนบางส่วนไหลกลับเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น  แต่ก็มีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยเห็นภาพรวมเศรษฐกิจโลกสำคัญมากกว่าจึงชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย

  นายธิติ  ตันติกุลานันท์   ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) KBANK  กล่าวว่า  ในช่วงที่เหลือของปี2551 เชื่อว่าจะเริ่มเห็นเม็ดเงินไหลออกชะลอตัวลง แต่ไม่เห็นสัญญาณของเม็ดเงินไหลเข้าเนื่องจากเป็นช่วงที่นักลงทุนต่างชาติชะลอการซื้อขายในช่วงวันหยุดเทศกาล ส่งผลให้ค่าเงินบาทเริ่มทรงตัวมากขึ้นหรืออาจมีบางช่วงผันผวนเพราะเคลื่อนไหวตามค่าเงินภูมิภาค ซึ่งคาดค่าเงินบาทปี2551 อยู่ที่ระดับ 34.50-35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

 สำหรับค่าเงินบาทสัปดาห์นี้(22-26 ธ.ค.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่จะเริ่มทรงตัวมากขึ้นเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติรอดูนโยบายการเมืองก่อนการตัดสินใจเข้ามาลงทุน

 นักค้าเงินธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 34.30-34.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ   ซึ่งเป็นช่วงที่ค่าเงินบาทเริ่มผันผวน และจะเริ่มอ่อนค่าลงเนื่องจากที่ผ่านมาค่าเงินบทแข็งค่าขึ้นมาก หรือแข็งค่าต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

 ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทจะเริ่มกลับมาอ่อนค่ามากขึ้นในช่วงเดือนม.ค.2552  ถ้าธนาคารกลางยุโรป( ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรุนแรงหรือไม่  จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.50%เพราะการปรับลดดอกเบี้ยรุนแรงอาจจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่เริ่มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้บาทอ่อนค่าลง

     สำหรับค่าเงินบาท(19 ธ.ค.)ปิดตลาดที่ระดับ 34.47-34.52 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งระหว่างวันอ่อนค่า 34.57 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และแข็งค่าสุด 34.47 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอ่อนค่ากว่าวันที่ 18 ธ.ค. ที่อยู่ 34.38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ