May 21, 2024   4:51:09 AM ICT
กองบอนด์ครึ่งหลังผลตอบแทนต่ำ ปีหน้าเหนื่อยเผชิญดอกเบี้ยขาลง

ทันหุ้น-บลจ.ประมวลภาพรวมกองทุนรวมตราสารหนี้ปีนี้ ผลิกผันสูงครึ่งปีแรก51ฉายแววสดใส รับอานิสงส์เงินเฟ้อสูง  ดอกเบี้ยอาร์/พีขึ้น  ส่วนครึ่งหลังตกเหวแบงก์แข่งระดมเงินฝากและเลห์แมนล้ม  ลุกลามสถาบันการเงินทั่วโลก กระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แถมอาร์/พีลด 1% ส่วนปีหน้าเหนื่อย  ผลตอบแทนไร้เสน่ห์


 นางรัชนิภา พรรคพานิช ผู้จัดการกองทุนอาวุโสฝ่ายตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมลงทุนในตลาดตราสารหนี้ของปีนี้เป็นปีที่เหนือความคาดหมายเนื่องจากมีความพลิกผันสูง โดยตั้งแต่ต้นปีการลงทุนในตราสารหนี้จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีเนื่องจากอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น


 “ช่วงนั้นเศรษฐกิจไทยโดยรวมตกอยู่ในช่วงเงินเฟ้อสูง โดยเฉพาะช่วงเดือนกรกรฎาคม ที่มีอัตราเงินเฟ้ออยู่ระดับ 9.2%ซึ่งถือเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 10 ปีเพราะสินค้าโภคภัณฑ์(คอมมอดิตี้) เกือบทุกสินทรัพย์ ทั้งน้ำมัน สินค้าเกษตร และทองคำ เป็นต้น มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.50% จากระดับเดิม 3.25% มาอยู่ที่ 3.75%ในช่วงเวลานั้น”นางรัชนิภากล่าว


 ทั้งนี้ส่งผลให้กองทุนตราสารหนี้ โดยเฉพาะตราสารอายุระสั้น ทั้งอายุ 3 เดือน และ 6 เดือน รวมทั้งกองทุนตลาดเงิน (Money market) ต่างมีผลตอบแทนปรับขึ้นอยู่ในอัตราเฉลี่ยประมาณ 2.9-3.0%


 “การแข่งขันกองตราสารหนี้ระยะสั้นครึ่งปีแรกรุนแรงมาก โดยผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่จะหันปรับพอร์ตลงทุนให้สั้นลงมาก โดยมีเฉลี่ยอายุของตราสาร(ดูเรชั่น) ประมาณ 14 วัน เพราะจะได้ประโยชน์โดยตรงจากดอกเบี้ยอาร์/พีขาลง”นางรัชนิภา กล่าว


 จากการสำรวจการแข่งขันของกองทุนรวมตราสารหนี้ช่วงนั้น โดยบลจ.หลายค่ายได้เริ่มให้ความสำคัญกับกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นมากขึ้น เช่นบลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ชูกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์เดลี่ (UOBSD) โดยตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV)อยู่ที่ 7.5 หมื่นล้านบาท จากต้นปีที่มีNAV ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งบลจ.กสิกรไทยได้ประกาศจะเพิ่มเป้ากองทุนเปิด เค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) สิ้นปีมาอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท และอีกหลายบลจ.เป็นต้น


*แบงก์แข่งดูดเงินฝาก


 จนกระทั่งครึ่งปีหลังกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นเริ่มมีเม็ดเงินลงทุนไหลออกเนื่องจากนักลงทุนแห่ฝากเงินเพิ่มขึ้นหลังจากธนาคารพาณิชย์ตื่นตัวระดมเงินฝากเพิ่มขึ้น โดยใช้กลยุทธ์ปรับขึ้นดอกเบี้ยอัตราพิเศษเพื่อรับมือกับพ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ที่มีผลบังคับใช้ในเดือนสิงหาคม


 นายนคร  ตามไท ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจกองทุนรวม บลจ.กสิกรไทย จำกัด กล่าวยอมรับว่าปีนี้กองทุน K-TREASURY อาจเติบโตได้ไม่ถึงเป้า 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 8.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากช่วงครึ่งปีมีเม็ดเงินไหลออกจากกองทุนตลอดเพราะแบงก์แข่งขันระดมเงินฝาก แต่เริ่มกลับคืนมาบ้างในเดือนกันยายนที่การลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มผันผวนสูงและปรับลดลงต่อเนื่องสูงกว่า 50%จากช่วงต้นปี


 “ปลายกันยายนตลาดหุ้นเริ่มปรับลดลงตามข่าวร้ายเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐล้มละลายลงเมื่อวันที่ 24 กันยายนเพราะลงทุนในสินเชื่อด้อยคุณภาพ(ซับไพร์ม)” นายนคร กล่าว


 ผลพวงของการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส  จนกระทั่งลุกลามไปยังสถาบันการเงินอื่นที่เข้าลงทุนในซับไพร์ม และกระทบต่อการลงทุนเกือบทุกสินทรัพย์ ทั้งตลาดหุ้นทั่วโลก คอมมอดิตี้ น้ำมัน ซึ่งราคาต่างปรับลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาน้ำมันลดลงจากระดับสูงสุดเกือบ 150 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปัจจุบัน


*อาร์/พีวูบ1%ยิลด์หด


 นางรัชนิภา กล่าวว่า กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นเริ่มเข้าสู่ช่วงภาวะผลตอบแทนตกต่ำ เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาร์/พี ลงรุนแรงถึง 1% จากเดิม 3.75% มาอยู่ที่ 2.75% เมื่อวันที่ 3 ธัวาคมที่ผ่านมา


 “ตอนนี้ผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียมของกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.0-2.2%เท่านั้น ขณะที่ตราสารอายุระยะยาวได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน โดยตราสารอายุ 10 ปีจะมีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 2.3%เท่านั้น”นางสาวรัชนิภากล่าว


 ส่วนแนวโน้มการลงทุนปีหน้ายอมรับว่าจะเหนื่อยมาก โดยกองทุนตราสารหนี้จะสร้างผลตอบแทนต่ำมาก และไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนได้เท่ากองทุนหุ้นเนื่องจากปี 2552เศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกจะรุนแรงที่สุด และธปท.คงใช้นโยบายผ่อนคลายนโยบายการเงินและการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังครั้งใหญ่ โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในทิศทางขาลงต่อเนื่องในระยะ 1 ปีข้างหน้าและจะทรงตัวต่ำหลังจากนั้นจนกว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัว ซึ่งจะใช้เวลา 2-3 ปีนับจากนี้


 “แบงก์ชาติมีแนวโน้มจะลดอัตราดอกเบี้ยอาร์/พีลงอีก 0.5%-0.75% เหลือ 2.0-2.25% ภายในกลางปีหน้า ทำให้ผลตอบแทนตราสารหนี้ต่ำลงได้อีก นอกจากนี้มีโอกาสสูงที่ช่วงครึ่งปีหลังแบงก์จะกลับมาระดมทุนอีกครั้งเพื่อชดเชยการปล่อยกู้ปีนี้ หากเศรษฐกิจเริ่มดี” นางรัชนิภากล่าว 

เข้าชม: 1,157

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com