May 21, 2024   3:05:50 AM ICT
นายก-คลังบุกตลาดกู้ความเชื่อมั่น หนุนแปรรูปรัฐวิสาหกิจไม่ผูกขาด

ทันหุ้น-นายกรัฐมนตรีควงขุนคลังรุกเยี่ยมตลาดหลักทรัพย์  ประกาศชัดเร่งปรับภาพลักษณ์ลบคำครหากลุ่มการเมืองใช้ตลาดทุนแสวงหาประโยชน์ใส่ตัว  หวังเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนไทย และต่างชาติกลับคืน  ยันจะสนับสนุนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ หากไม่ถ่ายโอนอำนาจผูกขาดจากภาครัฐไปสู่เอกชน  เน้นปรับปรุงกฎหมาย เชื่อมโยงตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า  เพิ่มช่องทางตลาดทุน  ด้านตลท.เสนอ 8 แนวทางพัฒนาตลาดทุนไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ


                นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และทีมงานได้เดินทางมาเยี่ยมและรับฟังปัญหาพร้อมให้นโยบายผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย  โดยระบุว่า จะเร่งปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้กับตลาดทุนไทย เพื่อลบข้อคำครหาในเรื่องของกลุ่มนักการเมืองที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากตลาดทุน ซึ่งเป็นการเอาเปรียบนักลงทุนรายย่อย โดยเฉพาะรายย่อยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ


                ทั้งนี้ความโปร่งใสในตลาดทุนมีความสำคัญและมีผลมากต่อความน่าเชื่อถือของตลาดทุนโดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบระหว่างตลาดทุนที่พัฒนาแล้วกับที่ยังไม่พัฒนา  จึงต้องช่วยกันลบภาพลักษณ์หรือข้อครหาที่ว่ามีการใช้ตลาดทุนแสวงหาผลประโยชน์ ในทางที่ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของตลาดทุน หรือการที่มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่เอารัดเอาเปรียบนักลงทุนส่วนใหญ่ 


*สร้างความโปร่งใส          


     โดยจะต้องกำกับดูแลเข้มข้นและกำจัดตรงนี้ไปให้ได้เพื่อให้ตลาดทุนไทยก้าวไปข้างหน้าในสายตาชาวโลก ทำให้นักลงทุนไทยมีความมั่นใจมากขึ้นในการเข้ามาลงทุนโดยได้รับความเป็นธรรมซึ่งตลาดหลักทรัพย์มีบทบาทส่วนหนึ่งในการดูแล  แต่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)จะมีบทบาทมาก ซึ่งหลังจากรัฐบาลได้ถวายสัตย์ปฎิญาณแล้ว จะเข้าไปแลกเปลี่ยนรับทราบปัญหาและอุปสรรคจากก.ล.ต.ว่าที่ผ่านมามีอะไรที่เป็นอุปสรรคในการกำกับดูแลบ้าง


              “ผมได้พูดกับผู้เข้าร่วมในครั้งนี้ถึงความโปร่งใสในการลงทุน ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดทุน เราต้องลบคำครหาของกลุ่มการเมืองที่นำตลาดทุนไปใช้แสวงหาประโยชน์ เอารัดเอาเปรียบนักลงทุนรายย่อย หากพูดให้ชัดเจนคือมีนักการเมืองหรืออดีตนักการเมืองได้ถูกครหามากที่สุดว่าเข้ามาหาผลประโยชน์ในตลาดหุ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว


                สำหรับนโยบายการของแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ผ่านมาได้แสดงจุดยืนมาตลอดว่า จะสนับสนุนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ถ้าแปรรูปแล้วมีการแข่งขันและการกำกับที่ดูแลผลประโยชน์ของส่วนรวมได้ แต่ไม่สนับสนุนการแปรรูปที่มีการโอนอำนาจผูกขาดจากภาครัฐไปสู่เอกชน   โดยจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นแม้ว่าการโอนอำนาจผูกขาดจะทำให้ได้ราคาดีในตลาดเพราะเห็นประโยชน์ของเศรษฐกิจส่วนรวมต้องสำคัญกว่า


     ในสถานะปัจจุบันการแปรรูปรัฐวิสาหกิจใดจะต้องดูเป็นกรณีไปเพราะที่ผ่านมาการแปรรูปสะดุดลง หลังการการแปรรูปแล้วมีการทำผิดกฎหมาย ดังนั้นจะไปทำผิดกฎหมายซ้ำไม่ได้ แต่ต้องมีรูปแบบที่สามารถแปรรูปตามหลักการที่ว่ามาทั้งหมด ตามเจตนาของรัฐธรรมนูญ


     สำหรับกรณีของความพยายามกดดันให้นำบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) PTT ออกจากตลาดหลักทรัพย์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังยืนยันจุดยืนเดิม  ซึ่งกรณี ปตท. มีคำวินิจฉัยของศาลปกครองบางส่วนแล้ว คือส่วนใดที่เป็นการผูกขาดก็ไม่ควรที่จะอยู่ในรูปแบบที่เป็นอยู่  แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยึดกลับมาเป็นของรัฐ  มันมีวิธีการในการจัดการที่จะลดลักษณะของการผูกขาด


                ส่วนการเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้เพราะเห็นว่าตลาดหลักทรัพย์เป็นดัชนีสำคัญในการชี้วัดภาวะทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของประเทศ เพราะบุคคลในตลาดทุนมักได้รับข้อมูลมากที่สุด ทำให้จะต้องติดตามสถานะปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร  ตลอดจนมีส่วนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจให้มีแหล่งระดมทุนหลากหลาย


               นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับสภาพของปัญหาตลาดหุ้นในปัจจุบันว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากผลกระทบของตลาดโลก ทำให้มูลค่าการซื้อขายปรับตัวลดลง นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ยังมีปัญหาเฉพาะหน้าในเรื่องโครงสร้างที่ต้องการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุน การปรับปรุงกฎหมาย การเชื่อมโยงกับตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า(AFET) เพื่อเป็นช่องทางให้ตลาดทุนมีความเข็มแข็งมากยิ่งขึ้น                                         

         
     ด้านนายกรณ์  จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลจะนำข้อเสนอต่างๆ ของผู้บริหาร ตลท. นำไปพิจารณา ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวเป็นปัญหามาหลายปี โดยจะใช้คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนผลักดันข้อเสนอต่างๆ เพื่อให้ตลาดหุ้นไทยฟื้นขึ้นมาและเดินต่อไปได้


                  นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญกับตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ที่จะให้มีความเชื่อมโยงกับตลาดอื่นด้วย เพื่อสร้างมูลค่าของตลาดหุ้นไทย      ทั้งนี้ สิ่งที่จำเป็นที่จะต้องผลักดัน คือการให้ตลาดเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาผลกระทบจากเศรษฐกิจทำให้ตลาดหุ้นไม่ทำงานและการลงทุนลดน้อยลงและต่อเนื่อง ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่าตลาดกำลังมีปัญหา แต่การที่มีการเปลี่ยนแปลงภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ ก็ถือว่าเป็นจุดที่สะท้อนความเชื่อมั่นในอันดับแรก


           "ข้อเสนอที่ตลาดฯ ชี้แจงในวันนี้เป็นปัญหามาหลายปี โดยจะต้องดูเงื่อนไขว่าสิ่งไหนจะแก้ไขได้ อย่างเรื่องภาษีจะรับเอาไปดูเหมือนกันว่าจะทำอย่างไรที่จะให้เอื้อต่อผู้ประกอบการ และช่วยตลาดหุ้นด้วย"นายกรณ์ กล่าว


*8แนวทางพัฒนาตลาดทุน


          นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลท. กล่าวว่า ตลท.ได้นำเสนอแนวทางพัฒนาตลาดทุน 8 ประการในระดับนโยบายเพื่อให้ตลาดทุนเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เต็มที่ ได้แก่ 1. การสนับสนุนการดำเนินงานของ “คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุน"ต่อเนื่อง 2. สนับสนุนการปรับโครงสร้างของตลท.โดยพิจารณากฎหมายและการกำกับดูแลให้สอดคล้องกับการพัฒนาและโครงสร้างของ ตลท.


           3. ผลักดันให้ตลท. เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงระหว่างตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค (ASEAN Common Exchange Gateway) เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนให้มากขึ้น 4. สนับสนุนการเข้าจดทะเบียน เช่น ลดอุปสรรค ขั้นตอนการดำเนินงาน และให้สิทธิประโยชน์เพื่อเพิ่มบรรษัทภิบาลของภาคเอกชน 5. ส่งเสริมพัฒนาการตลาดตราสารหนี้ของประเทศ


           6. เชื่อมโยงระบบและรวมศูนย์ตลาดตราสารอนุพันธ์ ให้มีโอกาสการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เกิดการประหยัดต่อขนาด และส่งเสริมสภาพคล่องโดยรวม และใช้เป็นกลไกหลักในการกำหนดราคาสินค้าเกษตรล่วงหน้า และใช้ในการประกันราคาสินค้าเกษตรของประเทศ
           7. ผลักดันการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการออมและให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการออมเพื่อการเกษียณอายุ รวมทั้งขยายสัดส่วนผู้ลงทุนประเภทสถาบัน ซึ่งจะช่วยให้ตลาดทุนมีเสถียรภาพทางราคามากขึ้น 8) ทบทวนและดำเนินการต่อเนื่อง เรื่องการปรับโครงสร้างของรัฐวิสาหกิจเท่าที่เป็นไปได้ โดยเฉพาะกลุ่มงานที่ต้องทำงานแข่งขันกับภาคเอกชน เพื่อให้รัฐวิสาหกิจมีช่องทางการระดมทุน และมีความคล่องตัวในการบริหารงานมากขึ้น


     ด้านนายประเสริฐ  บุญสัมพันธ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน)PTT กล่าวว่า  หลังจากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้เข้ามาหารือกับตลาดทุนถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาตลาดทุนไทย ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนในประเทศเกิดความเชื่อมั่น เพราะเท่าที่เห็น รมว.คลังคนใหม่ได้ให้ความสำคัญกับตลาดทุนเป็นอย่างมาก จึงคาดว่าจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนให้กลับมา

เข้าชม: 1,114

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com