May 21, 2024   12:54:28 AM ICT
กลุ่มยานยนต์รอฟื้นไข้ ชูSAT-STANLYต่ำบุ๊ก

ทันหุ้น-กลุ่มยายนต์ซึมยาว ราคาหุ้นร่วงยกแผง จับตาวุฒิสภาสหรัฐพิจารณาร่างกฎหมาย หลังสภาผู้แทนราษฎรไฟเขียวอุ้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไปแล้ว ด้านบล.เกียรตินาคินชู SAT-STANLY เด่น ราคาหุ้นต่ำบุ๊ก-ปันผลสูง 7-10% เหมาะเก็บราคาเป้าหมาย 6.04 บาท และ 110.63 บาท ส่วนเทคนิคยังไม่ใช่จังหวะลงทุน


     ราคาหุ้นกลุ่มยานยนต์วานนี้ (22 ธ.ค.) นิ่งสนิท รอวุฒิสภาสหรัฐพิจารณาร่างกฏหมายใส่เงินช่วยเหลือผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ 3 ราย จีเอ็ม ฟอร์ด และไครส์เลอร์ที่ 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในสัปดาห์นี้


     นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มยานยนต์นั้น มองว่าเป็นแรงกดดันจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดส่งออก และยอดขายในประเทศในปี 2552 ลดลงถึง 20%


     สำหรับการพิจารณาของวฒิสภาของสหรัฐจะพิจารณาร่างกฏหมายให้ความช่วยเหลือผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐนั้น มองว่าส่งผลเชิงบวกกับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศน้อย  เพราะผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยไม่มีคู่ค้ากับบริษัทรถยนต์ในสหรัฐ


     อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะได้รับผลเชิงบวกทางจิตวิทยาได้ในช่วงสั้น จึงแนะนำจับตาการพิจารณาของวุฒิสภาในสัปดาห์นี้ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ มองว่ายังไม่เหมาะลงทุน เพราะอุตสาหกรรมยานยนต์ยังมีการขยายตัวน้อย และยังมีปัจจัยลบรอบด้าน


     บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด ระบุว่า หุ้นกลุ่มยานยนต์ยังน่าลงทุน แม้จะได้รับปัจจัยลบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกก็ตามแต่ยังมีมูลค่าพื้นฐานสูงกว่าราคาตลาด และราคาตลาดซื้อขายกันที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น รวมถึงคาดว่าจะยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับ 7-10% คือ SAT และ STANLY จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ SAT และ STANLY มูลค่าพื้นฐานปี 2552 เท่ากับ 6.04 บาท และ 110.63 บาท


     สำหรับวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ในช่วงปลายปี 2551 เพราะมีสัญญาณลบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น บิ๊กทรีขอความช่วยเหลือทางการเงินจากทางการสหรัฐเนื่องจากมีความเสี่ยงในการล้มละลาย ค่ายรถญี่ปุ่นประกาศลดกำลังการผลิตตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 ตามอุปสงค์ยานยนต์ที่คาดว่าจะลดลงในปี 2552 และผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศจีนขอให้รัฐบาลจีนช่วยกระตุ้นอุปสงค์ยานยนต์ในประเทศ เป็นต้น


     ส่วนทางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยก็มีสัญญาณลบออกมาเช่นกัน เช่น ผู้ผลิตยานยนต์ในประเทศไทยประกาศลดกำลังการผลิตชั่วคราวตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 จนถึงกลางปี 2552 โดยลดกำลังการผลิตประมาณ 15-40%


     นอกจากนี้งาน “มอเตอร์เอ็กซ์โป 2008” มียอดจองยานยนต์ในงานลดลง 17% จากปีก่อนเป็นประมาณ 1.4 หมื่นคัน และผู้ผลิตยานยนต์ที่เข้าร่วมโครงการ E-co car มีแนวโน้มชะลอแผนการเปิดตัวออกไป ส่งสัญญาณยืนยันว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศในปี 2552 จะชะลอตัวลง


     ทั้งนี้คาดว่ายอดการผลิตยานยนต์ในประเทศไทยปี 2552 จะลดลง 17% จากปีก่อน และคาดผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มยานยนต์จะลดลงถึงประมาณ 30-60% จากปีก่อน นอกจากนี้คาดว่าผลประกอบการของผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ในปี 2552 ลดลง โดย AH คาดว่ากำไรสุทธิปี 2552 จะลดลงถึง 49% จากปีก่อนเป็น 208 ล้านบาท ส่วน SAT คาดกำไรสุทธิปี 2552 ลดลงถึง 36% จากปีก่อนเป็น 431 ล้านบาท


     ส่วน STANLY คาดกำไรสุทธิปี 2552 ของ จะลดลงถึง 34% จากปีก่อนเป็น 918 ล้านบาท และ TKT คาดกำไรสุทธิปี 2552 จะลดลงถึง 65%  จากปีก่อนเป็น 18 ล้านบาท ตามการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยายนต์ถึง 17%


     นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้น SAT ในระยะสั้นอยู่ในช่วงปรับตัวพักฐาน จึงแนะนำ “ขายทำกำไร” โดยให้แนวรับ 4.80 บาท แนวต้าน 5.30 บาท ส่วน STANLY ราคาหุ้นอยู่ในช่วงขาลง วอลุ่มซื้อขายเบาบาง สภาพคล่องต่ำ จึงแนะนำ “ขาย” ให้แนวรับ 50.50 บาท แนวต้าน 62.20 บาท


     สำหรับ AH ราคาหุ้นในช่วงสั้นอ่อนตัวพักฐาน จึงแนะนำ “ขายทำกำไร”จาดก่อนหน้าที่ปรับตัวขึ้นมา โดยให้แนวรับ 2.70 บาท แนวต้าน 3.80 บาท

เข้าชม: 1,013

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com