ทันหุ้น-ธปท.ยันบาทอ่อนตามกลไกตลาด หลังกลุ่มผู้นำเข้าน้ำมันซื้อดอลล์ชำระค่าสินค้า เชื่อหากเคลื่อนไหวผันผวนพร้อมเข้าไปดูแลให้สอดคล้องกับค่าเงินภูมิภาค ส่วนตัวเลขส่งออกเดือนพ.ย.ลดลงเป็นไปตามคาดการณ์
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงินและบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในช่วงนี้ แต่ถือว่าไม่ได้อ่อนค่ามากนักเนื่องจากเป็นไปตามกลไกตลาดเนื่องจากกลุ่มผู้นำเข้าน้ำมันซื้อดอลลาร์เพื่อชำระค่าสินค้า และไม่ได้เป็นผลมาจากตัวเลขส่งออกเดือนพ.ย.ที่ติดลบ 18.6% แต่ยืนยันจะดูแลให้เงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับสกุลเงินภูมิภาค
วานนี้ กระทรวงพาณิชย์ รายงานตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนพ.ย.ลดลง 18.6% คิดเป็นมูลค่า 1.19 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2545 เนื่องจากการปิดสนามบิน ทำให้การส่งสินค้าส่งออกไม่สามารถดำเนินการได้
นางผ่องเพ็ญกล่าวต่อว่า ล่าสุดค่าเงินบาทอ่อนค่าลงประมาณ 8 สตางค์ มาอยู่ที่ 34.58 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับที่ปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ประมาณ 34.48-34.58 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้น 1% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยลง ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงประมาณ 2.6% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อน
นอกจากนี้หากเปรียบเทียบค่าเงินประเทศอื่นๆ เช่น มาเลเซียอ่อนค่าลง 4% ดอลลาร์สิงคโปร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ส่วนเงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้นประมาณ 6% อย่างไรก็ตาม ตัวเลขส่งออกเดือนพฤศจิกายนที่ลดลงนั้นเป็นไปตามที่ธปท.คาดการณ์ไว้แล้ว ซึ่งประเทศอื่นๆก็อยู่ในทิศทางที่ลดลงเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ซื้อดอลลาร์มีมากกว่าขาย และธปท.ดูแลอยู่ หากมีความเคลื่อนไหวที่หวือหวาหรือผันผวนก็จะเข้าไปจัดการ
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) KBANK กล่าวว่า ภาพรวมส่งออกเดือนธ.ค.จะย่ำแย่กว่าเดือนพ.ย.ที่ส่งออกติดลบถึง 18.6% ทั้งนี้ส่งออกชะลอที่ลดลงยังแสดงให้เห็นถึงการอ่อนแอการค้าที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง และได้รับผลกระทบจากที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดสนามบิน
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดว่าปี2551 ไทยจะขาดดุลการค้าถึง 3-4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการขาดดุลในปี2551ยังสะท้อนให้เห็นว่ามีเม็ดเงินจำนวนมากที่ไหลออกจากประเทศมากขึ้น จึงมองว่าค่าเงินบาทปีนี้จะอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแข็งค่ากว่าประมาณการณ์เดิมที่คาดไว้ที่ 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุที่ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าที่ประมาณการณ์เดิมไม่ได้หมายความว่าค่าเงินบาทเริ่มมีเสถียรภาพ แต่เป็นเพราะปริมาณการซื้อขาย(วอลุ่ม)ปรับลลดลง ขณะเดียวกันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์เพราะการปรับลดดอกเบี้ยที่รุนแรงของเฟด สะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐต้องพิมพ์พันธบัตรเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เริ่มน้อยลง ส่งผลให้บาทกลับมาแข็งค่าขึ้นแบบไม่มีเสถียรภาพ
ทั้งนี้คาดว่าปี2552 บาทจะอ่อนค่า 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณเม็ดเงินไหลเข้าลดลงในอนาคตเพราะเชื่อว่าปีหน้าเศรษฐกิจในระบบจะเริ่มลดลงรุนแรง อีกทั้งไทยมีโอกาสถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆอีกรอบ ทั้งนี้นโนบายการคลังที่จะนำมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ชัดเจน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้บาทอ่อนค่า 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
|