นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัทไพลอน จำกัด (มหาชน)PYLON เปิดเผยว่า  บริษัทได้รับงานเพิ่ม ประเภทเสาเข็มเจาะเข้ามาจำนวน 9โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม145.43 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโครงการ ก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ตอนบางปะอิน - บางพลี ส่วนที่ 8 โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 98 วัน , โครงการ ไอบิส ศรีราชา ในระยะเวลาก่อสร้าง 45 วัน ,  โครงการ ลุมพินี เพลส พระราม 9  ระยะเวลาก่อสร้าง 45 วัน , โครงการ The Siam On The River Hotel ระยะเวลาก่อสร้าง 90 วัน , โครงการ MTP07 - 154 MTP 275 KTA BPA Plant ระยะเวลาก่อสร้าง 40 วัน 

 นอกจากนี้ยังมี โครงการ Interconnection Pipe & Cable Package (East Side) ระยะเวลาก่อสร้าง  45 วัน , โครงการ อาคารชุดพักอาศัยรวม สูง 36 ชั้น ซอยสุขุมวิท 24 ระยะเวลาก่อสร้าง 120 วัน, โครงการ เดอะ บีช คอนโดมิเนียม บางแสน อาคาร A ระยะเวลาก่อสร้าง 50 วัน ,  โครงการ เดอะ บีช คอนโดมิเนียม บางแสน อาคาร B ระยะเวลาก่อสร้าง 50 วัน โดยรายได้จากโครงการดังกล่าวจะทยอยรับรู้อย่างชัดเจนในไตรมาส1/2552 เป็นต้นไป

 ทั้งนี้ จากงานใหม่ที่เข้ามามรข้างต้น ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่างานในมือ(Back Log)เพิ่มขึ้นเป็น250-300 ล้านบาท(หักรายได้ที่รับรู้ไปในไตรมาสก่อนหน้าแล้ว) นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา และรอใบสั่งจ้างอีก3โครงการ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน100 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถสรุปโครงการดังกล่าวได้ประมาณต้นปี2552นี้ พร้อมทั้งเตรียมเข้าเสนอราคาในการยื่นประมูลในโครงการใหม่ในปีหน้าเช่นเดียวกัน

   สำหรับประมาณการอัตราการเติบโตในปี2552นั้น นายบดินทร์ กล่าวว่า บริษัทจะพยายามรักษาระดับรายได้ให้ใกล้เคียงกับปี2551 ที่คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท โดยสาเหตุที่รายได้ไม่เติบโตเนื่องจากแนวโน้มกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในปีน้าโดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรกที่คาดว่าจะอยู่ในลักษณะชะลอตัว โดยเฉพาะงานของภาคเอกชน ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ประกอบกับสถาบันการเงินจะมีการพิจารณาในการปล่อยกู้ยากขึ้น  แต่ก็เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี2552 ภาพรวมของเศรษฐกิจจะเริ่มมีการฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาสู่ระบบสาธารณูปโภคเพื่อเป็นการกระตุ้นให้มีการขยายการลงทุนมากขึ้น

 ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกมูลค่างานที่จะทยอยออกมาลดลง ประกอบกับอัตราราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบหลักอย่างเหล็ก รวมถึงต้นทุนค่าขนส่งมีการปรับตัว ซึ่งนั่นก็จะทำให้มูลค่าเฉลี่ยต่องานต่อโครงการลดลงตาม ดังนั้นบริษัทเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปี2552จะลดลงเมื่อเทียบจากปี2551 ที่คาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 16% ขณะเดียวกันบริษัทจะเน้นการปรับเพิ่มกำลังการผลิตเสาเข็มสำหรับปี2552เป็น90% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 80%

   จากงวด9เดือนแรกของปี2551 บริษัทมีรายได้รวม559.61 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 49.50 บาท ทั้งนี้จากรายได้ในงวดดังกล่าวส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับเป้าประมาณการรายได้ในปีนี้ใหม่เพิ่มเป็น700 ล้านบาท จากในช่วงต้นปี2551ที่บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ระดับ 500 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการทยอยรับรู้งานอย่างในโครงการต่อเนื่อง ประกอบการงานใหม่ที่ทยอยเข้ามา

@FOCUSหวังขยายพอร์ตส่งท้ายปี

 นายนนทวัฒน์ ทองมี กรรมการผู้จัดการ บริษัทโฟคัส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) FOCUS กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการรอผลประมูล6 -7 โครงการ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 -2,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทยอยทราบผลภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ในเบื้องต้นบริษัทคาดว่าบริษัทน่าจะชนะการประมูลประมาณ 2-3 งาน จากมูลค่างานทั้งหมด ขณะที่มูลค่างานในมือ(Back Log)ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 700 ล้านบาท
 พร้อมทั้งยังได้ประเมินแนวโน้มการลงทุนในธุรกิจรับเหมาในปีหน้าว่า หากรัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงมีความชัดเจนในการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคในโครงการขนาดใหญ่อย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนก็เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นการจ้างงานแลกระตุ้นแผนการขยายการลงทุนได้ แต่ในเบื้องต้นคาดว่าแผนกากระตุ้นของรัฐบาลจะส่งผลในช่วงครึ่งปีหลังของปี2552 ซึ่งหากเป็นจริงก็เชื่อว่ากลุ่มรับเหมาจะเริ่มมีการฟื้นตัวได้ หลังจากที่มีการชะลอตัวในขณะนี้

@ลุ้นรับงานใหม่150ล.สัปดาห์หน้า

  นายสหวัสส์ เตชาชาญ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน)TNDT กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการต่อรองราคาในการประมูลเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อเข้าไปตรวจสอบระบบให้กับกลุ่มบริษัทปิโตรเคมี โดยคิดเป็นมูลค่า150 ล้านบาท คาดว่าสัปดาห์หน้าจะทราบผลได้ ขณะนี้บริษัทได้รับการอนุมัติในการเข้าไปตรวจสอบระบบ ในช่วงหยุดซ่อมบำรุงให้กับIRPCแล้ว 1โครงการ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3-4 ล้านบาทแล้ว ส่งผลให้มีมูลค่าBack Log ปัจจุบัน100 ล้านบาท  ซึ่งเป็นรายได้ล่วงหน้าที่จะรับรายได้ในปี2552กว่า 50 ล้านบาท