ทันหุ้น-สมาคมนักวิเคราะห์ หั่นเป้าจีดีพีปี 2552 เหลือ 0.7% จากเดิมที่ 4% เหตุเศรษฐกิจดิ่งนรก พ่วงปัญหาว่างงานกระทบหนักสุด  ฟันธงเป้าดัชนีปีหน้า 547 จุด แต่กำไรบจ.ทรุดเหลือ 4.9% คัดหุ้นเด่น ADVANC, BANPU, KBANK, PTT และ SCB เข้าตาโบรก

     นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ SAA Survey ครั้งที่ 6/2551 จำนวน 18 แห่ง พบว่าส่วนใหญ่มีการปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2552 เหลือ 0.7% จากเดิมที่ 4% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง รวมทั้งปัญหาการว่างงานที่อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในระยะยาว

 นอกจากนี้ คาดว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในปี 2552 จะอยู่ที่ระดับ 547 จุด โดยคาดการณ์ว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์สูงสุดในปีหน้า จะอยู่ที่ 590 จุด และต่ำสุดที่ 364 จุด โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าในไตรมาส 1-2/2552 ดัชนีตลาดโดยรวมจะแตะระดับต่ำสุด และคาดว่าในครึ่งหลังบรรยากาศการลงทุนน่าจะเริ่มปรับตัวได้ดีขึ้น

 “ปีหน้าปัจจัยที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงต้องจับตามองเป็นพิเศษ นั่นคือ ภาวะเศรษฐกิจโลก รวมทั้งสถานภาพทางการเมือง และปัญหาการว่างงานที่เริ่มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าอาจส่งผลกระทบต่อภาคการลงทุนได้ในระดับสูง” นายสมบัติ กล่าว

 นายสมบัติ กล่าวอีกว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงคาดการณ์กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปี 2552 อาจจะปรับตัวลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 4.9% จากครั้งก่อนที่คาดว่าแนวโน้มการเติบโตจะอยู่ที่ 2.3% โดยมีผู้คาดการณ์ตัวเลขกำไรของ บจ.ในอัตราการเติบโตสูงสุดที่ 4.5% และต่ำสุดอาจปรับตัวลดลงถึง 14.9% ทั้งนี้คาดว่า จะเป็นผลมาจากการชะลอตัวอย่างชัดเจนของภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน

 ขณะที่ปี 2551 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงคาดการณ์ว่า กลุ่มธนาคารจะมีอัตราการเติบโตสูงสุด โดยมีค่าเฉลี่ย EPS Growth ที่ระดับ 306.7% ตามมา ด้วยกลุ่มอาหาร ที่คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 41.4% และกลุ่มเดินเรือ คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยที่ 21.9% กลุ่มสื่อสาร คาดว่าจะมีอัตรการเติบโตเฉลี่ยที่ 21.5% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ระดับ 16.7%

 ส่วนในปี 2552  คาดว่ากลุ่มธุรกิจโรงแรม มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น ขณะที่EPS ยังคงโตต่อเนื่องที่ประมาณ 10% ทั้งนี้เป็นการฟื้นตัวจากปีนี้ ที่คาดว่าการเติบโตในส่วนของกำไรสุทธิจะติดลบที่ 7.8% ขณะที่กลุ่มสื่อสาร จะมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นติดลบน้อยที่สุดที่เฉลี่ย 0.3% ส่วนกลุ่มที่กำไรต่อหุ้นปรับตัวลดลงมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มเดือนเรือ ที่คาดว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยจะปรับตัวลดลงถึง 41.8%

 อย่างไรก็ดี สำหรับการลงทุนระยะยาว ให้ทยอยสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดมั่นคง รวมถึงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในระดับต่ำ และสามารถจ่ายเงินปันผลได้ มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคตโดยควรศึกษาปัจจัยพื้นฐานของหุ้นในรอบคอบก่อนลงทุน
สำหรับหุ้นเด่นในปี 2552 ได้แก่ ADVANC, BANPU, KBANK, PTT และ SCB