ทันหุ้น-แบงก์รับอานิสงส์ถ้วนหน้า ถ้ารัฐบาลใหม่ออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ หนุนสินเชื่อบ้านโตขึ้น แถมความเสี่ยงจากหนี้เน่าน้อยกว่าสินเชื่ออื่น คาดSCB รับประโยชน์มากสุดในกลุ่มเพราะมีพอร์ตเยอะสุด 24-25% ส่วนสินเชื่อบ้านยังเติบโตดี คาดแบงก์อาจอัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดเพิ่ม
นายวรวัฒน์ สายสุพัฒน์ผล ผู้ช่วยผู้จัดการ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน คาดว่านโยบายแรกที่จะให้ความสำคัญก่อนคือ การเข้ามาช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งฝ่ายวิจัยเชื่อว่ากลุ่มที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์เนื่องจากจะเป็นปัจจัยเสริมที่ส่งผลให้สินเชื่อปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับธนาคารที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุด คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) SCB เนื่องจากเป็นธนาคารที่มีพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยในสัดส่วนถึง 24-25% ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเชื่อว่าสินเชื่อดังกล่าวจะยังขยายตัวได้ดี อีกทั้งธนาคารอาจมีโปรโมชั่นพิเศษเพื่อกระตุ้นสินเชื่อ คือ การให้สินเชื่อบ้านควบคู่กับประกันในรูปแบบต่างๆ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ประกาศใช้จริงเชื่อว่าทุกธนาคารจะหันมาขยายพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้นเนื่องจากการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวมีความเสี่ยงจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)น้อยกว่ากลุ่มอื่น
ปัจจุบัน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) KTB มีพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยประมาณ 14-15% , ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) KBANK มีประมาณ14% , ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BBL มีประมาณ 13-14%,ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) TMB มีประมาณ 13% และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) BAY มีประมาณ 11% อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งผลดีต่อการเติบโตของสินเชื่อธนาคาร แต่คาดว่าการปล่อยสินเชื่อปี 2552 จะเติบโตลดลงตามเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ส่วนแนวโน้มราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ช่วงที่เหลือของปี 2551 คาดว่าจะผันผวน แต่ยังมีแรงซื้อหุ้นของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) อีกทั้งได้รับอานิสงส์จากการเลื่อนกำหนดใช้บาเซิ่ล 2 จึงเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร แนะนำ “เก็งกำไร”หุ้นธนาคารขนาดใหญ่
นักวิเคราะห์ กล่าวต่อว่า ส่วนทิศทางหุ้นกลุ่มธนาคารปี 2552 เชื่อว่าในไตรมาส1/2552จะเริ่มมีแรงขายทำกำไรมากขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวรุนแรง อีกทั้งอัตราการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ(GDP)ไตรมาส 1/2552 มีแนวโน้มติดลบ
“แม้ปัจจัยเศรษฐกิจจะกดดันให้ราคาหุ้นแบงก์ปรับลดลง แต่คาดว่าราคาหุ้นจะไม่ปรับตัวลดลงมากเพราะที่ผ่านมาราคาหุ้นลดลงมากแล้ว แต่นักลงทุนควรมีความระมัดระวังลงทุนช่วงตลาดหุ้นผันผวนด้วย” นายวรวัฒน์ กล่าว
นักเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้นกลุ่มธนาคารยังอ่อนตัวกว่าตลาด ทั้งนี้ระยะสั้นอาจปรับลดลงบ้างแต่ไม่มาก คาดดัชนีที่แนวรับ 140 จุด แนวต้าน 152 จุด ส่วนSCBยังแกว่งในกรอบแคบ แต่เริ่มเห็นสัญญาณรีบาวนด์ระยะสั้น ให้แนวรับ 47 บาท และแนวต้าน 52 บาท SCB(24 ธ.ค.)ปิดที่ 48.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 388.15 ล้านบาท
|