May 21, 2024   2:34:07 AM ICT
โผหุ้นเด็ดไตรมาสแรกปีฉลู แบงก์-อสังหา-ค้าปลีกมาแรง

ทันหุ้น-จัดทัพโผหุ้นเด็ดไตรมาส 1/2552 แนะลงทุนลุยเก็บหุ้นพื้นฐานเลิศ -ปันผลอู้ฟู่ แถมได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกจิ๊บจ้อย ยก 6 หุ้นเด่นแห่งปี ให้ PS, QH, CPALL, KBANK, SCCC และ PTTCH พ่วงหุ้นอานิสงส์รัฐบาลใหม่ยังมาแรง มองหุ้นกลุ่มพลังงาน-ค้าปลีกยังแกร่ง แนวโน้มกำไรปี 2552 ฉลุย


     ภายหลังจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยได้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ช่วยให้สถานการณ์ทั้งในภาคเศรษฐกิจและตลาดทุนเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากตั้งแต่ช่วงกลางปี 2551 ที่ผ่านมาแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากระดับสูงสุดของปีที่ 890 จุดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และกลับมาทำสถิติต่ำสุดที่ระดับ 380 จุดเมื่อช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี


 ทั้งนี้เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนทั้งในและต่างชาติที่ได้รับผลกระทบกดดันจิตวิทยาการลงทุนจากปัจจัยเสี่ยง โดยเหตุผลหลักยังคงเป็นการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ได้เข้าปิดล้อมสนามบินสำคัญ 2 แห่ง คือ สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กลุ่มนักลงทุนต่างชาติเทขายออกมาเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบกดดันต่อการปรับตัวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงยังสร้างความเสียหายให้กับภาคอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศเป็นอย่างมาก


 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ อย่างภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งต้นตอสำคัญสืบเนื่องมาจากวิกฤติสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) ในประเทศสหรัฐ ที่ได้ส่งผลลุกลามมายังภาคเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งความเสียหายได้ขยายวงกว้างไปยังภาพรวมของเศรษฐกิจโลก ซึ่งหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกจึงจำเป็นต้องเร่งหามาตรการเร่งด่วนออกมารองรับและพยุงภาวะเศรษฐกิจของประเทศซึ่งได้รับผลกระทบมาจากปัจจัยเสี่ยงเบื้องต้น
 ขณะที่นางสาววราภรณ์ วิบูลย์คณารักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) คาดการณ์แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2552 ว่าจะอยู่ที่ระดับ 540-550 จุด หากไม่มีเหตุการณ์ทั้งภายในและต่างประเทศผิดปกติเกิดขึ้นเหมือนตลอดช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา รวมถึงยังมองว่าแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้น่าจะมีจุดต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 380 จุด ขณะที่ P/E ก็คาดว่าจะอยู่ที่ 8 เท่า


 โดยในปี 2552 ยังได้ประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานที่คาดว่าตัวเลขกำไรสุทธิจะยังมีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 10% ในขณะที่กลุ่มค้าปลีกที่หลายฝ่ายมองว่าจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวลงของกำลังซื้อผู้บริโภคที่สืบเนื่องจากมากการถดถอยของภาคเศรษฐกิจว่าจะยังมีแนวโน้มการเติบโตอยู่ที่ระดับ 4-5%


 ดังนั้นกลุยุทธ์การลงทุนในช่วงปี 2552 ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศชะลอตัวลงน้อยที่สุด รวมทั้งการมีฐานะทางการเงินที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ อาทิ BANPU รวมถึงหุ้นในกลุ่มสื่อสารที่คาดว่าจะยังได้รับประโยชน์จากการให้บริการ 3G รวมถึงหุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ในขณะที่หุ้นกลุ่มบันเทิง เชื่อว่า BEC จะยังมีประสิทธิภาพในการเรียกเรตติ้งและเม็ดเงินโฆษณาได้เป็นอย่างดี


 ส่วนหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างก็ยังเชื่อว่าจะได้รับประโยชน์อย่างสูงสุดจากโครงการเมกะโปรเจกต์ อาทิ กลุ่มปูน และเหล็กที่จะได้รับประโยชน์อย่างแน่นอนจากปัจจัยเสริมสำคัญดังกล่าว


 ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หุ้นเด่นในช่วงไตรมาส 1/2552 ที่คัดสรรมาจะเป็นหุ้นบนปัจจัยพื้นฐานเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการโดยรวมที่แข็งแกร่ง และหุ้นที่มีค่าความไวต่อดัชนีตลาดในระดับสูง รวมถึงหุ้นที่บริษัทจะได้รับประโยชน์ทั้งในทางตรงและทางอ้อมจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ต้นทุนพลังงาน การขนส่ง


 รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังอยู่ในช่วงขาลง รวมถึงปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ๆ ของรัฐบาลและโอกาสในการฟื้นตัวของราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาต่ำมากในตอนนี้ อาทิ PS ราคาเป้าหมาย 7.75 บาท, QH ราคาเป้าหมาย 1.42 บาท, CPALL ราคาเป้าหมาย 14.50 บาท, KBANK ราคาเป้าหมาย 63.00 บาท, SCCC ราคาเป้าหมาย 160.00 บาท และ PTTCH ราคาเป้าหมาย 39.00 บาท

เข้าชม: 1,048

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com