May 21, 2024   4:51:04 AM ICT
เก็งหุ้นหลักทรัพย์ตามวอลุ่ม KEST-BLS-PHATRAดาวเด่น

ทันหุ้น-ตลาดหุ้นครึ่งปีแรกยังไม่สร่างไข้วิกฤติโลก   กดวอลุ่มกลุ่มหลักทรัพย์   คาดเฉลี่ยทั้งปีพุ่ง 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท   โบรกชี้วอลุ่มตลาดเริ่มฟื้นตัวไตรมาส3-4/2552 หลังรัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณกลางปีเพิ่มเป็น 1.8 แสนล้านบาท  แนะเก็งแค่ช่วงสั้นตามวอลุ่ม   คัด KEST BLS และPHATRAพื้นฐานเด่น  กระจายรายได้ดี 


 นายวรุตม์  ศิวะศริยานนท์  รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ หลักทรัพย์ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  แนวโน้มหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ปี 2552 จะเคลื่อนไหวตามปริมาณการซื้อขาย(วอลุ่ม)ของตลาด ซึ่งคาดว่าว่าไตรมาส 1/2552 จะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนมากที่สุด หรือมีแนวโน้มปรับลดลงมากกว่าเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงที่วิกฤติเศรษฐกิจโลกเริ่มส่งผลกระทบรุนแรงที่สุด  เชื่อว่าวอลุ่มไตรมาสนี้จะเบาบาง แนะนำ “ชะลอลงทุน”


 โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในแถบเอเชียเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/2552 ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจนแม้ไม่เห็นเป็นรูปธรรม และโครงการต่างๆของภาครัฐเริ่มเดินหน้าได้ ซึ่งในช่วงนี้วอลุ่มจะเริ่มปรับเพิ่มขึ้น แต่อาจมีบางช่วงที่ตลาดเบาบาง  จึงค่อยหาจังหวะเข้า“เก็งกำไร” เช่น  KEST BLS และPHATRA เพราะพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)สูง


 สำหรับในไตรมาส 3-4/2552 วอลุ่มจะเริ่มทรงตัวหรือปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากไทยได้รับอานิสงส์จากรัฐบาลเบิกจ่ายงบประมาณกลางปีเพิ่มเป็น 1.8 แสนล้านบาท จากเดิม 1 แสนล้านบาท ประกอบกับรัฐบาลทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น  จึงคาดว่าวอลุ่มเฉลี่ยปี 2552 จะอยู่ที่ 16,000-17,000 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 14,000-15,000 ล้านบาทต่อวัน  ซึ่งหากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาด แนะนำลงทุน หุ้นกลุ่มสื่อสาร  อสังหาริมทรัพย์ กลุ่มอุปโภคและบริโภค และกลุ่มรับเหมา เป็นต้น 


 ด้านนักวิเคราะห์ ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  แนวโน้มหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ปี 2552 จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจมากขึ้น โดยในครึ่งปีแรก 2552 สหรัฐและเริ่มทยอยประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมต่างๆโดยคาดว่าจะแย่กว่าที่ทุกสถาบันคาดการณ์ไว้  จึงเชื่อว่าแนวโน้มภาพรวมตลาดหุ้นครึ่งปีแรกจะมีวอลุ่มเฉลี่ยเพียง 14,000 ล้านบาทต่อวันเท่านั้น  ทั้งนี้หุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากวอลุ่ม คือกลุ่มหลักทรัพย์


 กลยุทธ์การลงทุนในครึ่งปีแรก แนะนำ “เก็งกำไร”ระยะสั้น หุ้นกลุ่มหลักทรัพย์เพราะเป็นหุ้นที่เคลื่อนไหวตามตลาด เพราะอาจมีบางช่วงที่วอลุ่มอาจทรงตัวได้ดี   ส่วนผลการดำเนินงานของกลุ่มในครึ่งปีแรกเชื่อว่าภาวะตลาดอาจจะส่งผลให้รายได้หลัก เช่น รายได้นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ปรับลดลงต่อเนื่อง  ทำให้จะมีการกระจายรายได้ไปลงทุนส่วนต่างๆ มากขึ้น


 ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลังเชื่อว่าตลาดจะเริ่มฟื้นตัวได้เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยและรัฐบาลสหรัฐ อีกทั้งปัญหาการเมืองเชื่อว่าจะไม่เกิดความรุนแรง จึงเชื่อว่าความเชื่อมั่นจะเริ่มกลับมา และจะเริ่มเห็นเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น  ซึ่งเชื่อว่าวอลุ่มครึ่งปีหลังจะเฉลี่ยอยู่ที่ 20,000 ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก   ส่วนผลการดำเนินงานของกลุ่มหลักทรัพย์จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน   ทั้งรายได้  กำไร หรือส่วนแบ่งทางการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง


 กลยุทธ์การลงทุนในครึ่งปีหลัง แนะนำ “เก็งกำไร” หุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีพอร์ตรายย่อยสูง กำไรทรงตัวดี หรือมีกำไรต่อเนื่อง  รวมทั้งพื้นฐานธุรกิจมั่นคง  เช่น KEST ให้ราคาเหมาะสม 14.10 บาท 


 นอกจากนี้ ยังมีASPให้ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 1.24   บาท, BLSอยู่ที่ 8.7 บาท, PHATRAอยู่ที่ 14.70  บาท, ZMICOอยู่ที่ 1.88 บาท และ KGIอยู่ที่  0.78  บาท


   ด้านนักวิเคราะห์กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  ในปี2552เป็นช่วงที่หุ้นมีความผันผวนสูงและเคลื่อนไหวตามข่าวที่เข้ามากระทบต่อตลาดหุ้นทั้งใน และต่างประเทศ   ซึ่งหุ้นหลักทรัพย์ที่แนะนำ ได้แก่ KEST ให้ราคาเหมาะสม 9.30 บาทเนื่องจากเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุดในกลุ่ม และรักษามาร์เก็ตแชร์ได้ดี คาดมาร์เก็ตแชร์ปี2552 อยู่ที่ 8% อีกทั้งฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นรายย่อย  และมีรายได้จากค่าธรรมเนียมสม่ำเสมอ  


     ส่วน BLS ให้ราคาเหมาะสม 8.60 บาท เนื่องจากเริ่มมีการบริหารจัดการที่ดี หลังจากบริษัทมีปัญหาจากการปล่อยมาร์จิ้นโลน ทั้งนี้กำไรสุทธิเริ่มแข็งแกร่ง และPHATRA ให้ราคาเหมาะสม 17 บาทเนื่องจากเป็นหุ้นที่ไม่มีการปล่อยมาร์จิ้นโลน และมีการกระจายรายได้ที่ดี


 KEST(30 ธ.ค.)ปิดที่ 7.95 บาท  เพิ่มขึ้น 0.15 บาท  มูลค่าซื้อขาย 10.77 ล้านบาท,BLSปิดที่     6.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 3.47 ล้านบาท และPHATRAปิดที่ 11.80 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง  มูลค่าซื้อขาย 3.09 ล้านบาท

เข้าชม: 1,027

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com