May 21, 2024   3:05:42 AM ICT
ไอเอ็นจีเล็งขายผ่านแบงก์40% ส่งกองผสม5พันล้านลุยมี.ค.

ทันหุ้น-บลจ.ไอเอ็นจียิ้มร่า ปี2551สินทรัพย์พุ่ง 15%จากปีก่อนที่มี 1.8 แสนล้านบาท   หลังยอดขายผ่านแบงก์แม่TMBเพิ่มขึ้น 20%  ตั้งเป้าปีนี้ขอโตอีก 30-40% จ่อขายกองผสมใหม่ มูลค่า 5 พันล้านบาทภายในเดือนมีนาคมนี้  เน้นลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ในประเทศ   พร้อมปัดฝุ่นกองเก่าทำการตลาด
 นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2552 บริษัทตั้งเป้าจะเติบโตขึ้น 10% จากปี2551 ซึ่งสอดคล้องกับอุตสาหกรรมกองทุนที่คาดว่าจะเติบโตจากปี 2551 ประมาณ 5-10% โดยยังคงนโยบายเสนอขายกองทุนรวมให้ครอบคลุมกับความต้องการของลูกค้าเช่นเดียวกับปีก่อน


 “ปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้ผ่านช่องทางแบงก์แม่ทหารไทยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 30-40% และที่เหลือจะมาจากตัวแทนขายและส่วนอื่น” นายจุมพล  กล่าว
  ส่วนแผนออกกองทุนใหม่ปีนี้ บริษัทจะชะลอการเปิดขายในช่วงเดือนมกราคมก่อน เพื่อพิจารณาภาวะการลงทุนโดยรวม และความต้องการของนักลงทุน รวมทั้งกองทุนเดิมที่เปิดขายจะมีนโยบายการลงทุนที่ครอบคลุมการลงทุนอยู่แล้ว


 อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าจะเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ในประเทศเดือนละ 1 กองทุนเพื่อชดเชยกองทุนปิดที่จะทยอยครบอายุโครงการ โดยเฉพาะกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้  ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(NAV) รวม 1 หมื่นล้านบาท และจะครบอายุโครงการภายในไตรมาส 2/2552


 “ในช่วงแรกเชื่อว่าเม็ดเงินกองทุนเกาหลีที่ครบอายุยังอยู่ในกองทุนตลาดเงิน(มันนี่มาร์เก็ต) ของบริษัท เพราะเป็นกองทุนที่มีความปลอดภัยสูง ส่วนกองทุนใหม่ที่จะเปิดขายกองแรกจะเป็นกองพันธบัตรรัฐบาล” นายจุมพล กล่าว


 นอกจากนี้  ในช่วงเดือนมีนาคม บริษัทมีแผนจะเสนอขายกองทุนผสม ที่เน้นลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ในประเทศ มูลค่า 5 พันล้านบาท เพื่อให้โลเคชั่นเหมาะสมกับการลงทุนระยะยาวเนื่องจากปีนี้ยังอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาลง ส่งผลให้การลงทุนในพันธบัตรมีผลตอบแทนต่ำ ขณะที่การลงทุนในหุ้นมีความผันผวนสูงทำให้เงินใหม่ที่ลงทุนได้รับความเสี่ยงมากกว่าคนที่ลงทุนอยู่แล้ว


 อย่างไรก็ตามบริษัทจะไม่เปิดขายกองทุนหุ้นเพิ่มขึ้นอีก แม้จะตลาดหุ้นมีโอกาสจะฟื้นตัวดีขึ้นจากปี 2551 แต่ความผันผวนในครึ่งปีแรก2552จะสูงขึ้น เนื่องจากคงกังวลกับสถานการณ์การเมืองที่แม้จะความขัดแย้งจะลดลง  แต่ยังมีความเสี่ยงอยู่


 ปัจจุบันกองทุนหุ้นของบริษัท  โดยเฉลี่ยจะยังถือเงินสดสูงประมาณ 10-15% เพิ่มขึ้นจากช่วงภาวะตลาดหุ้นปกติที่จะถือเงินสดไม่เกิน 5%  และมีโอกาสสูงที่ปีนี้การถือครองเงินสดจะปรับลดลงมาอยู่ในสัดส่วนปกติ เนื่องจากประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับดีขึ้นจากปี 2551


 “การบริหารพอร์ตลงทุนกองหุ้นปีนี้ บริษัทจะทยอยลงทุนในหุ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นพื้นฐานดีและมีแนวโน้มจะเติบโตได้ในอนาคต เพราะหุ้นถูกมากแล้ว ส่งผลให้นักลงทุนที่ลงทุนอยู่เดิมมีโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น” นายจุมพล กล่าว


 นายจุมพลกล่าวถึงภาพรวมการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF)ปี 2551ว่า  บริษัทมีเม็ดเงินลงทุนใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 80-90 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย 150 ล้านบาท เนื่องจากความกังวลตลาดหุ้นโดยรวมที่ปรับลดลงรุนแรง ส่งผลให้นักลงทุนใหม่ชะลอการเข้าลงทุนก่อน ขณะที่นักลงทุนที่ลงทุนอยู่แล้ว  มีบางรายงดใช้สิทธิตามมาตรการขยายวงเงินลดหย่อนภาษี 7 แสนบาท  


     อย่างไรก็ตาม ในปี 2551 บริษัทมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) เพิ่มขึ้น 15% มาอยู่ที่ประมาณ 2 แสนกว่าล้านบาท ขณะที่ปี 2550 มีอยู่เพียง 1.8 แสนล้านบาทเนื่องจากบริษัทมีช่องทางจำหน่ายหน่วยกองทุนเพิ่มขึ้นจากเครือข่ายสาขาธนาคารทหารไทย  จำกัด(มหาชน)TMB ซึ่งมีกว่า 412 สาขาทั่วประเทศ ส่งผลให้บริษัทมีเม็ดเงินใหม่ผ่านช่องทางดังกล่าวเพิ่มขึ้น 20%


 “บริษัทอยู่ระหว่างการสรุปข้อมูลการเติบโตของปีที่ผ่านมา  ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.04 แสนล้านบาท  ซึ่งสวนทางกับอุตสาหกรรมที่ติดลบกว่า 8.4 หมื่นล้านบาท” นายจุมพลกล่าว

เข้าชม: 977

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com