ทันหุ้น-นายแบงก์คาดกนง.หั่นดอกเบี้ยรอบนี้ 0.50-1.00% มาอยู่ที่ 1.75-2.25% หลังเงินเฟ้อลดฮวบต่ำสุดในรอบ 6 ปี เร่งฟื้นเศรษฐกิจ ลดต้นทุนผู้ประกอบการ และกระตุ้นใช้จ่ายในประเทศ ชี้วิกฤติโลกชะลอตัวฉุดส่งออกไทยลดกำลังผลิตสินค้าลงเหลือ 53% จากเดิม 70% ส่วนเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นจิ๊บจ๊อย คาดกระจุกตัวในตลาดพันธบัตรเพราะความเสี่ยงต่ำ
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) KBANK เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในวันที่ 14 ก.ค.นี้เชื่อว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50 % มาอยู่ที่ 2.25% จากเดิม 2.75% เพื่อลดภาระต้นทุนผู้ประกอบการ และประคับประคองไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่อง
“การที่เงินเฟ้อปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 6 ปีเป็นช่องว่างให้แบงก์ชาติปรับลดดอกเบี้ยได้มากขึ้น แต่ส่วนตัวมองว่าคนในประเทศควรให้ความสำคัญเรื่องเงินฝืดที่กำลังจะเกิดขึ้นมากกว่าเงินเฟ้อ” นายกอบสิทธิ์ กล่าว
อย่างก็ตาม เชื่อว่าในปี 2552 ธปท.อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 1% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวลงต่อเนื่องเพราะวิกฤติเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทยมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการส่งออกต่างประเทศถึง 60% ต้องลดกำลังการผลิตสินค้าลงเหลือ 53% จากเดิม 70% อีกทั้งเชื่อว่าการที่รัฐบาลพยายามกระจายส่งออกไปประเทศต่างๆ จะได้รับผลตอบแทนน้อยกว่ามาก อีกทั้งประเทศที่กระจายส่งออกยังต้องพึ่งพาประเทศสหรัฐ จึงเชื่อว่าการกระจายการส่งออกจึงไม่ส่งผลดีมากนัก
ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งการบริโภคในประเทศมากกว่าพึ่งการส่งออกจากต่างประเทศ ขณะที่ส่วนตัวมองว่าสิ่งที่เป็นแรงผลักดันดีที่สุดในการเร่งการบริโภคในประเทศ คือ การลดภาษีรวมทั้งมาตรการสร้างความเชื่อมั่นเพื่อเพิ่มอำนาจการบริโภคในประเทศ
นายกอบสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ไทยทำได้ และช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ดี คือ การพึ่งการลงทุนของภาครัฐบาลเพราะการพึ่งการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศเริ่มลดลงในอนาคต ล่าสุดบริษัทของประเทศญี่ปุ่น เช่น โตโยต้า และ ซูซูกิ ได้ประกาศชะลอการลงทุนในประเทศแถบเอเชียแล้ว
นายตรรก บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) BAY กล่าวว่า ธปท. อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% อยู่ที่ 2.25% จากเดิม 2.75% หรือมีความเป็นไปได้ที่ธปท.อาจจะลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1% อยู่ที่ 1.75% เพราะเงินเฟ้อปรับลดลงต่อเนื่อง อีกทั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล และเพื่อให้ทิศทางดอกเบี้ยเป็นไปตามทิศทางเดียวกับประเทศต่างๆทั่วโลก
ขณะเดียวกันหากธปท.ลดดอกเบี้ยถึง 1.00% ธนาคารพาณิชย์จะเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับสภาพคล่องมากขึ้นเพราะถ้าสภาพคล่องยังมีเพียงพอ แต่สินเชื่อไม่สามารถปล่อยได้ตามเป้ามีโอกาสที่ธนาคารพาณิชย์จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตาม ธปท. ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2551 ธปท.จะลดดอกเบี้ยลง 1.00% มาอยู่ที่ 2.75% ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ยเงินฝาก 0.50%
นายตรรก กล่าวต่อว่า แม้นโยบายของรัฐบาลจะเริ่มเดินหน้า ส่งผลให้เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลัง แต่การที่เศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำอาจจะส่งผลให้ยังไม่เห็นเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น เพราะส่วนใหญ่การลงทุนยังกระจุกตัวในตลาดพันธบัตรรัฐบาลเพราะมีความเสี่ยงน้อยกว่า
|