ทันหุ้น-กลุ่มอสังหาฯคึกรับมาตรการค้ำประกันเงินดาวน์เข้า ครม.วันนี้ ผู้บริหารค่าย MK “ชูเกียรติ ตั้งมติธรรม”มั่นใจนโยบายรัฐหนุนกำลังซื้อผู้บริโภคกลับ  เร่งปัดฝุ่นโครงการเก่ารักษายอดขายปี 2552 คงที่ 2,300 ล้านบาทเท่าปี 2551 พร้อมลุยเปิดโครงการบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮ้าส์ 1-3 โครงการ ส่วนโบรกมองปัจจัยบวกอื้อซ่า คัด MK-AP-LPN-SPALI หุ้นเด่นเล่นสั้นผลตอบแทนปันผล 5-13% ส่วนลงทุนยาว LH - QH เหมาะสุด

 ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัหวคึกคักรับรัฐยกประเด็นการลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ย และการกู้เงินซื้อบ้านโดยไม่ต้องการวางเงินดาวน์เข้า ครม.วันนี้
     นายชูเกียรติ  ตั้งมติธรรม กรรมการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน)  MK เปิดเผยว่า  การกระตุ้นอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐในขณะนี้ถือว่าเป็นตัวหนุนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยเฉพาะโครงการเก่าซึ่งบริษัทมีโครงการเดิมที่รอโอนอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อประเมินว่ามาตรการดังกล่าวจะใช้ได้ผลหรือไม่

     สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2552 บริษัทจะพยายามรักษาระดับการเติบโตของยอดให้ให้ได้ 2,300 ล้านบาท และมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ 1-3 โครงการ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการดังกล่าว

     “ปีนี้บริษัทพยายามประคองตัว เพื่อให้ผลการดำเนินงานออกมาดีที่สุด เพราะมองว่าครึ่งปีแรกผลงานออกมาทรงตัวแน่นอน จากพิษเศรษฐกิจโลก และการเมืองในประเทศในช่วงที่ผ่านมา แต่หลังจากที่มาตรการจากภาครัฐเริ่มมีการใช้จะเริ่มเห็นผลได้ในช่วงครึ่งปีหลังจึงมั่นใจว่าปีนี้ผลงานของบริษัทจะรักษาระดับยอดขายไว้ที่ 2,300 ล้านบาทแน่นอน”นายชูเกียรติกล่าว

     สำหรับการลดราคาบ้านในส่วนของโครงการเดิมนั้น คาดว่าจะไม่มีการลดลงราคา แต่จะเป็นการเพิ่มโปรโมชั่นใหม่ๆ แทนการลดราคาบ้าน เพื่อกระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้นอีกทาง

     นายชูเกียรติกล่าวว่า ในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมาลูกค้าของบริษัทถูกปฏิเสธจากสถาบันการเงิน พื่อกู้ยืมเงินมาซื้อบ้านเฉลี่ยประมาณ 10% ซึ่งช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 เฉลี่ยประมาณ 7% ดังนั้นจึงประเมินว่ายอดขายของบริษัทในปี 2551 น่าจะอู่ที่ระดับ 2,300 ล้านบาท

     นางสาววิชชุดา  ปลั่งมณี ผู้จัดการส่วนวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า  หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ในปัจจุบันยังมาจากมาตรการภาครัฐที่ออกมาสนับสนุน เช่น การขยายมาตรการการลดภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าโอน โดยภาครัฐอยู่ระหว่างทบทวนเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซือ โดยลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ จากเดิม 3.3% ลดลงเป็น 0.1% ต่อจากเดิมที่หมดอายุ 31 มีนาคม2552 เป็น 28 มีนาคม2553 ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงเฉลี่ยประมาณ 4.3%

     รวมถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับลดเป็นผลต่อจิตวิทยาแรงซื้อเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าการประชุม กนง. ในวันที่ 14  มกราคมนี้มีโอกาสปรับลดจากอัตราดอกเบี้ยเดิมที่ 2.75% เป็น 2.25% หรือลดลง 0.50%

     อย่างไรก็ตามในปี 2552 มองปัจจัยเสียงจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวรวมถึงเสถียรภาพทางการเมืองซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่กดดันความมั่นใจของผู้บริโภค ซึ่งส่งผลต่อแรงซื้อและยอดขายโดยตรง ซึ่งอาจทำให้ยอดขายมีโอกาสปรับลดลง และส่งผลต่อการแข่งขัน เพื่อกระตุ้นยอดขายที่สูงขึ้นอาจทำให้มีการลดราคา และเพิ่ม Promotion และของแถม ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร

     นอกจากนี้ยอดการปฏิเสธ(Rejection Rate) มาจากลูกค้าทิ้งเงินดาวน์เนื่องจากไม่สามารถรับภาระในการผ่อน และ การขอสินเชื่อที่มีความเข้มงวดมากขึ้นมีโอกาสปรับเพิ่ม เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 10-20%

     ดังนั้นจึงประเมินการลงทุนในช่วงสั้นแนะนำ “ซื้อ”สำหรับบริษัทที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลในช่วง 6 เดือนข้างหน้าในระดับ 5-13% ประมาณการ 7 บริษัท โดยบริษัทที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยมากกว่า 10% คือหุ้น MK อยู่ที่ 13% รองลงมาหุ้น AP ที่ระดับ 9.8% หุ้น LPN ที่ระดับ 8.93% และหุ้น SPALI ที่ระดับ 7.85% และยังคงแนะนำสำหรับการลงทุนในระยะยาว คือ LH และ QH โดยให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มเท่ากับตลาด ( Neutral )