May 21, 2024   4:27:50 AM ICT
เครือปตท.ฉุดดัชนีรูดระนาว ชี้กรอบดัชนีวันนี้450-460จุด

ทันหุ้น- หุ้นไทยเริ่มแผ่ว โบรกเกาะติดสัญญาณเศรษฐกิจโลกถดถอยฉุดแรงซื้อชัดเจน พ่วงแนวโน้มผลงาน บจ.ไตรมาส 4/2551 โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน-แบงค์ ส่อแววไม่สดใสกดความเชื่อมั่นฉุดดัชนีหุ้นไทยวันเดียวรูดกว่า 6.26 จุด ส่วนวันนี้ (13 ม.ค.) มองยังเป็นขาลงต่อ ช่วงสั้นลุ้น กนง.ตัดใจหั่นดอกเบี้ยลงอีก 0.5-1% ช่วยประคองดัชนีไม่ให้ไหลลึกกว่าคาดการณ์ ส่องแนวรับที่ 450 จุด แนวต้าน 460 จุด


     ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (12 ม.ค.) ปิดตลาดที่ระดับ 452.80 จุด ลดลง 6.26 จุด หรือ 1.36% มูลค่าการซื้อขายสุทธิบางเบาที่ 9,352.56 ล้านบาท ซึ่งแรงเทขายหลักยังคงจะมาจากหุ้นในกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเลขผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2551 ที่คาดว่าจะออกมาชะลอตัวลดลงโดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 684.63 ล้านบาท สถาบันขาย 530.14 ล้านบาท และรายย่อยซื้อสุทธิ 1,214.77 ล้านบาท


 โดยในช่วงสัปดาห์แรกของปี 2552 (5-9 ม.ค.) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,032 ล้านบาท เทียบจากสัปดาห์แรกของปี 2551 ซึ่งขายสุทธิราว 5,946 ล้านบาท และขายสุทธิกว่า 869 ล้านบาท โดยตลอดทั้งปี 2551 นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิกว่า 162,378 ล้านบาท


 นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (12 ม.ค.) เป็นไปตามการปรับตัวลดลงของทิศทางในตลาดหุ้นภูมิภาคซึ่งสืบเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (5-9 ม.ค.) จากความกังวลของกลุ่มนักลงทุนจากตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมถึงความวิตกกังวลอย่างหนักเกี่ยวกับตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 4/2551 ของหุ้นในกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ ที่คาดว่าจะมีการปรับตัวลดลงอย่างหนัก


 “วานนี้ (12 ม.ค.) แรงเทขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะ หุ้นในกลุ่ม PTT และในเครือค่อนข้างนำตลาด จากความกังวลอย่างรุนแรงของตัวเลขผลงานในปีที่ผ่านมาที่คาดว่าอาจจะขาดทุนสูงกว่าระดับ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเกิดการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะจากบริษัทโรงกลั่นในเครือ  IRPC และ PTTAR” นางวิริยากล่าว


 นางวิริยากล่าวว่า ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ โดยเฉพาะกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการจัดสรรงบกลางปี 2552 เพิ่มเป็น 1.2 แสนล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีวงเงินประมาณ 1 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การจ่ายเงินค่าเบี้ยครองชีพคนชราอายุ 60 ปีขึ้นไป โครงการเรียนฟรี 15 ปี ซึ่งเป็นมาตรการผันเงินถึงมือประชาชนนั้น มองว่า น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมและกระตุ้นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกที่มีประสิทธิภาพ


 ทั้งนี้ภาคการลงทุนน่าจะมีการตอบรับในเชิงบวกเป็นอย่างดี เนื่องจากมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวถือเป็นปัจจัยบวกใหม่ๆ ที่เข้ามาเสริมภาคการลงทุนในตลาดหุ้นให้มีสีสันมากขึ้น และเป็นการสร้างเสริมความหวังใหม่ๆ ให้กับตลาดทุนด้วย โดยเบื้องต้นเชื่อว่าปัจจัยเสริมดังกล่าวน่าจะกระตุ้นจิตวิทยาการลงทุนได้ในระยะสั้นๆ


 สำหรับกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ (13 ม.ค.) แนะนำ “ขาย” และหันกลับมาถือเงินสดมากขึ้น เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างแรง ดังนั้นจะอาจมีแรงเทขายทำกำไรออกมาได้ในระยะนี้ โดยประเมินแนวรับที่ 440-445 จุด และแนวต้านที่ 455-460 จุด


 นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13 ม.ค.) คาดว่าอาจจะมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4/2551 ที่อาจปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ทำให้นักลงทุนเริ่มมีการขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยกดดันดังกล่าว


 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่เริ่มมีการทยอยประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการตอกย้ำอย่างชัดเจนถึงวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ยังเป็นตัวแปรสำคัญที่เข้ามาบั่นทอนจิตวิทยาการลงทุน แต่เชื่อว่าช่วงสั้นอาจมีแรงซื้อเก็งกำไรกลับมาเข้ามา จากความคาดหวังว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5-1% เพื่อลดต้นทุนภาคธุรกิจและกระตุ้นการบริโภค ในการประชุมวันที่ 14 มกราคมนี้ ซึ่งอาจจะเข้ามาช่วยประคองดัชนีไม่ให้ปรับตัวลงลึกมากนัก


 สำหรับกลยุทธ์ลงทุนช่วงสั้น แนะนำ “ขาย” โดยประเมินแนวรับที่ 450 จุด แนวต้านที่ 460 จุด

เข้าชม: 969

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com