May 21, 2024   12:54:17 AM ICT
ค้าปลีกยิ้มรับมาตราการรัฐ CPALL- HMPROน่าเก็บ

ทันหุ้น- กลุ่มค้าปลีกขานรับมาตรการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า หนุนกำลังซื้อผู้บริโภคฟื้นคืนชีพ “เกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ” ผู้บริหารค่าย CPALL เกาะติดการโอนถ่ายเม็ดเงินจากภาครัฐสู่ภาคประชาชน ลั่นยอดขายปี 52 เข้าเป้า 5% ด้าน HMPRO มั่นใจผลงานปี 51 โตฉลุยตามเป้าที่ 15% จากปีก่อนหน้าที่ทำได้ 17,015.21 ล้านบาท โบรกยก CPALL แจ๋วสุดแนะ “ทยอยสะสม” เหตุราคาใกล้จุดต่ำสุดแล้ว ให้แนวรับ 11.20-11.00 บาท แนวต้าน 12.00-12.80 บาท


     จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนกำลังซื้อของกลุ่มผู้บริโภคให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง หลังจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจถดถอยที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพคล่องของกลุ่มผู้บริโภค โดยหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภค อาทิ กลุ่มค้าปลีก-ค้าส่ง จะได้รับผลบวกจากมาตรการดังกล่าว รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยง 0.75% จาก 2.75% เหลือ 2% จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนจิตวิทยาการลงทุน


 นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านการเงินและลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) CPALL เปิดเผยว่า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาลที่เน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับรากหญ้านั้น มองว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคในระดับรากหญ้าอย่างดี เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการถดถอยของเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้ขีดความสามารถของกำลังซื้อถูกจำกัดลงจากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว


CPALLเกาะติดสถานการณ์


 ทั้งนี้ในส่วนของผู้ประกอบการในกลุ่มค้าปลีก-ค้าส่งนั้น คงยังจะไม่ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวในทันที เนื่องจากยังต้องรอดูการผลักดันเม็ดเงินจากภาครัฐสู่ภาคประชาชนว่าจะทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด จึงจะสามารถประเมินแนวโน้มและภาพรวมของกลุ่มผู้ประกอบการได้อย่างชัดเจน


 “มาตรการที่ออกมาจากภาครัฐนั้น ถือเป็นมาตรการที่ดี แต่หลังจากนี้คงต้องมาดูประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานและผลักดันเม็ดเงินจากภาครัฐสู่ภาคเอกชนอีกครั้งหนึ่งว่าจะเป็นอย่างไร แต่เบื้องต้นเชื่อว่าจะทำให้ความสามารถในการเติบโตของตัวเลขยอดขายในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทคาดการณ์ได้ง่ายขึ้น” นายเกรียงชัย กล่าว


 นายเกรียงชัย กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2552 ของบริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะยังอยู่ในช่วงชะลอตัวลง โดยบริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันจากเดิมที่ 70% เป็น 80-85% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า พร้อมทั้งตั้งเป้าใช้งบลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการขยายสาขาใหม่ 400-500 สาขา เพื่อให้จำนวนสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 5,150-5,250 สาขา เพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว


HMPROหนุนรัฐเต็มสูบ


 แหล่งข่าวระดับสูง จากบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) HMPROกล่าวว่า ในส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ จากการขยายสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ผู้กู้ซื้อบ้านในปี 2552 ซึ่งสามารถนำดอกเบี้ยเงินกู้มาหักเป็นค่าลดหย่อยในการคำนวณภาษัเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นมากกว่า 2 แสนบาทต่อปี สำหรับผู้ซื้อบ้านใหม่ราคาไม่เกิน 7-8 ล้านบาทนั้น น่าจะเอื้อประโยชน์สูงสุดต่อผลการดำเนินงานของบริษัท


 ทั้งนี้จากสินค้าหลักของบริษัทที่เกี่ยวกับอุปกรณ์การตกแต่งบ้าน จึงเชื่อว่าหากมาตรการดังกล่าวมีความชัดเจนและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงจะช่วยเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้จะยังซบเซา แต่จากแนวโน้มความต้องการซื้อบ้านใหม่ที่ยังมีอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะผู้บริโภคระดับล่างที่ยังมีความต้องการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทได้เป็นอย่างดี


 “มาตรการที่ภาครัฐส่งออกมานั้น ทั้งการฟื้นฟู กระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้าและภาคอสังหาริมทรัพย์นั้นถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องอยู่ที่การโอนถ่ายเม็ดเงินจากภาครัฐสู่ภาคเอกชนด้วยว่า หลังจากโอนถ่ายเม็ดเงินแล้วภาคประชาชนจะมีการนำเม็ดเงินดังกล่าวออกมาใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพแค่ไหน ซึ่งถ้าประชาชนไม่มีการใช้จ่ายเม็ดเงินดังกล่าว ก็จะทำให้ระบบขาดสภาพคล่องซึ่งก็จะเป็นผลกระทบในระยะยาวต่อไป” แหล่งข่าว กล่าว


 แหล่งข่าว กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 2551 บริษัทยังเชื่อมั่นว่ายอดขายจะเติบโตได้ตามเป้าที่คาดการณ์ไว้ที่ 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 17,015.21 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 710.37 บาท เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมยังคงเติบโตได้เป็นอย่างดี


โบรกยก CPALL แจ๋ว


 นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์สินเอเซีย กล่าวว่า ระยะสั้นราคาหุ้นในกลุ่มค้าปลีกยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้ จากปัจจัยสนับสนุนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากภาครัฐบาล ซึ่งจะยังเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนจิตวิทยาการลงทุนได้เป็นอย่างดี


 โดยหุ้นเด่นในกลุ่มค้าปลีก มองว่า CPALL น่าจะยังได้รับความสนในใจระดับสูง จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ “ทยอยสะสม” เนื่องจากระดับราคาเริ่มมีการปรับตัวใกล้จุดต่ำสุดแล้ว โดยประเมินแนวรับที่ 11.20-11.00 บาท และแนวต้านที่ 12.00-12.80 บาท


 CPALL (14 ม.ค.) ปิดตลาดที่ 11.40 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.87% มูลค่าซื้อขาย 54.12 ล้านบาทส่วน HMPRO ปิดตลาดทรงตัวที่ 3.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 561,000 ล้านบาท, MAKRO ปิดตลาดทรงตัวที่ 65.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 8.08 ล้านบาท และ BIGC ปิดตลาดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 4.96% มูลค่าซื้อขาย 6.57 ล้านบาท  

เข้าชม: 1,076

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com