ทันหุ้น-ธปท.หั่นดอกเบี้ยอาร์/พีลง  0.75% เหลือ  2.00% จากเดิม 2.75% หวังช่วยกอบกู้เศรษฐกิจ  เร่งกระตุ้นใช้จ่าย  เสริมนโยบายการคลังให้เห็นผลเร็วขึ้น  ด้านนายแบงก์คาดอาจเห็นแบงก์ใหญ่นำร่องลดดอกกู้ตาม 0.50%  แต่ไม่ส่งผลให้ลูกค้าแห่ขอสินเชื่อลงทุนมากนักเพราะเศรษฐกิจซบ   แบงก์ส่วนใหญ่คุมเข้มปล่อยกู้ห่วงหนี้เน่าพุ่ง

 นางสาวดวงมณี  วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า  ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)วานนี้(14 ม.ค.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.75% จาก 2.75% เหลือ 2.00% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเป็นมาตรการเสริมให้นโยบายการคลังมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง  เงินฝากประจำ 12 เดือนอยู่ที่ 3.02% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR อยู่ที่ 6.3%

 ด้านนายบรรลือศักดิ์  ปุสสะรังษี  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่  ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) BT  กล่าวว่า  กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75% ซึ่งเป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ไว้ รวมทั้งเชื่อว่าธปท.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี2552 ลงเหลือ 1% เพื่อหวังให้นโยบายการเงินเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
 อย่างไรก็ตาม  ความร่วมมือเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจของนโยบายการเงินและนโยบายการคลังจะเป็นเพียงการช่วยบรรเทาไม่ให้เศรษฐกิจทรุดตัวลงเร็วเท่านั้นเพราะจะยังไม่สามารถเข้าไปกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจได้เท่าที่ควรเพราะวิกฤติเศรษฐกิจโลก และปัญหาการเมืองในประเทศช่วงที่ผ่านมาจากการที่กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาชนประชาธิปไตยปิดสนามบิน สร้างความเสียหายต่อภาคส่งออกไทยถึง 1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(GDP)  ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่าไตรมาส4/2551 จีดีพีของไทยจะติดลบประมาณ 1.5-2%

 ทั้งนี้เชื่อว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเร็วๆนี้  ซึ่งจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาโดยจะมีธนาคารขนาดใหญ่ เช่น  ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BBL ,ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)SCB และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) KBANK นำร่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และคาดว่าการปรับลดดอกเบี้ยจะใกล้เคียงกับการปรับลดดอกเบี้ยในรอบที่ผ่านมาที่ 0.50%

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะยังไม่เห็นสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้เพราะธนาคารยังมีภาระจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากตามระยะเวลาที่กำหนดอยู่  ส่วนผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย(NIM)ยังกระทบไม่มาก

 ด้านนายเสถียร  ตันธนะสฤษดิ์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารธุรกิจตลาดเงิน ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) TMB  กล่ววว่า  ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ไว้ที่ 0.50%  แต่การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายจะไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับนโยบายการคลังที่จะมีประสิทธิภาพที่ยั่งยืนกว่าและจะสามารถเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริงได้

 รวมทั้งเชื่อว่าจะเห็นธนาคารพาณิชย์เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงประมาณ 0.50% ซึ่งถ้าธนาคารพาณิชย์ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงตามที่ธปท.กำหนดไว้ ธปท.อาจจะมีกฏเกณฑ์เพื่อกดดันให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามที่กำหนดไว้   ในทางตรงกันข้ามโดยส่วนตัวกลับมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะไม่ใช่ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเข้ามาขอสินเชื่อเพื่อการลงทุนเพิ่มขึ้น  แต่เป็นตัวแปรกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งเพราะธนาคารยังเข้มงวดปล่อยสินเชื่อเพราะกังวลNPL ที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต