May 11, 2024   1:09:41 AM ICT
ดัชนีหุ้นไทยเด้งรับ’โอบามา’ กลุ่มอสังหา-รับเหมาคึกครื้น

ทันหุ้น- ดัชนีหุ้นไทยไม่หมดหวัง นักลงทุนมั่นใจหลังได้ยาดีมาตรการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ พ่วงด้วยข่าวดี “โอบามา” เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ 20 ม.ค.นี้ แผ่อานิสงส์หนุนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์-รับเหมาคึกครื้น ส่วนกลุ่มแบงก์ยังโหนกระแสแรงเก็งกำไรผลงานไตรมาส 4/2551 แนะจับตาการประกาศตัวเลขส่งออก เชื่อกระทบจิตวิทยาการลงทุนช่วงสั้น ส่วนกลยุทธ์ลงทุน “ขึ้นขาย-ลงซื้อ” ประเมินแนวรับ 420-424 จุด แนวต้าน 440-444 จุด


     ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ (16 ม.ค.52) ปิดตลาดที่ระดับ 435.20 จุด เพิ่มขึ้น 8.94 จุด หรือ 2.10% มูลค่าการซื้อขายสุทธิ 7,112.76 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับอานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 259.21 ล้านบาท สถาบันขาย 97.07 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปซื้อ 356.26 ล้านบาท


 ทั้งนี้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันขายหุ้นไทยไปแล้วกว่า 1.3 พันล้านบาท และจากการปรับตัวผันผวนของดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกส่งผลให้มีแรงเทขายหุ้นของนักลงทุนสถาบันรวมแล้วกว่า 9.8 พันล้านบาทในปีนี้ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติที่เทขายออกมาแล้วกว่า 711 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
 นายกวี  ชูกิจเกษม  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น เชื่อว่าเป็นผลมาจากแรงเก็งกำไรของกลุ่มนักลงทุนที่มีการเข้ามาซื้อ-ขายทำกำไรในระยะสั้นๆ หลังจากเริ่มเห็นปัจจัยเสริมที่ชัดเจน ทั้งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยและสหรัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้นและทยอยกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง


 ทั้งนี้มองว่ายังไม่มีปัจจัยเสริมใหม่ๆ ที่จะมีอิทธิพลและสามารถกระตุ้นจิตวิทยาการลงทุนของกลุ่มนักลงทุนได้ในระยะยาว ภายหลังจากที่ตลาดหุ้นโดยรวมและนักลงทุนส่วนใหญ่ตอบรับข่าวดีเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเตรียมขึ้นรับตำแหน่งของนายบารัค โอบามา ที่เข้ามาเสริมศักยภาพการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนอย่างชัดเจนจากการปรับขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา


 “ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยอาจจะมีการปรับตัวผันผวนไปบ้าง แต่เชื่อว่ายังอยู่ในแนวโน้มที่เป็นโอกาสมากกว่า แม้ว่าจะไม่มีปัญจัยเสริมใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นหรือเพิ่มขีดความเชื่อมั่น แต่จากสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่น่าจะฟื้นตัวขึ้นน่าจะเป็นปัจจัยเสริมสำคัญที่หนุนจิตวิทยาการลงทุนในช่วงนี้” นายกวี กล่าว


 นายกวี กล่าวว่าในช่วงสัปดาห์นี้ (19-23 ม.ค.) คงต้องติดตามเกี่ยวกับการประกาศตัวเลขการส่งออกด้วยว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะอาจส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนได้ในช่วงสั้นๆ ขณะที่หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง น่าจะยังเป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เอื้อประโยชน์ต่อผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มดังกล่าว


 ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ก็น่าจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาเกี่ยวกับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2551 ที่จะทยอยประกาศออกมา โดยเชื่อว่าจะกระตุ้นจิตวิทยาการลงทุนได้เป็นอย่างดี


 นายพงศ์พันธุ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงสัปดาห์นี้ (19-23 ม.ค.) เชื่อว่าดัชนียังมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากการเข้ารับตำแหน่งของนายบารัค โอบามา อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมนี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีมาตรการและแผนกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างชัดเจนอีกครั้ง แต่มองว่าอาจจะไม่มีผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นมากนัก เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ต่างรับรู้ข่าวดีดังกล่าวไปหมดแล้ว แต่ก็อาจจะเป็นปัจจัยที่ช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแผนการกู้วิกฤติเศรษฐกิจให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น


 “มาตรการที่นายบารัค โอบาม่าจะเสนอน่าจะเป็นเรื่องเดิมที่เกี่ยวโยงกับการสร้างความเชื่อมั่นภายในประเทศให้กลับมา ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย มองว่ารัฐบาลควรจะเร่งเดินหน้าโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ประมาณ 1-2 โครงการเพื่อให้เกิดการจ้างงาน และเป็นการกระตุ้นการลงทุนในภาคส่วนอื่น ๆ ซึ่งจะเป็นสัญญาณที่ดีและชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ” นายพงศ์พันธุ์ กล่าว


 นายพงศ์พันธุ์ กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น แนะนำ “ขึ้นขาย-ลงซื้อ” ในหุ้นที่มีสภาพคล่องและปัจจัยพื้นฐานดี รวมถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและสามารถเติบโตได้ในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง เพราะราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้นได้ดีหากแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยประเมินแนวรับที่ 420-424 จุด แนวต้านที่ 440-444 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 450-452 จุด

เข้าชม: 979

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com