ทันหุ้น-บาททั้งสัปดาห์อ่อนแรง 34.80-35.00 ต่อดอลลาร์สหรัฐ จับตาตัวเลขเศรษฐกิจ และผลงานสถาบันการเงินสหรัฐ คาดแย่กว่าตลาดคาดการณ์ ส่งผลนักลงทุนกอดดอลล์แน่น ส่วนสหรัฐคลอดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อถ้าชัดเจนหนุนดอลล์แข็งขึ้น
นายเสถียร ตันธนะสฤษดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารธุรกิจตลาดเงิน ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน) TMB เปิดเผยว่า ภายในสิ้นปี2552 เชื่อว่าอาจจะเห็นค่าเงินบาทแตะ 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากปีนี้ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากท่องเที่ยวที่ชะลอตัวเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ และปัญหาการเมือง
อย่างไรก็ตาม หลังได้รัฐบาลใหม่ที่มีนโยบายดำเนินงานจะสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศ รวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้ แต่การที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว อาจส่งผลให้เห็นเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศน้อยลง จึงเชื่อว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ นักค้าเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางค่าเงินบาทสัปดาห์นี้(19-23 ม.ค.)คาดว่าจะอ่อนค่าลงต่อเนื่อง โดยมองกรอบเคลื่อนไหวระหว่าง 34.75-35.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้บาทอ่อนค่า คือ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ และผลประกอบการสถาบันการเงินไตรมาส4/2551ของสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จึงทำให้นักลงทุนมีความต้องการถือครองเงินสกุลดอลลาร์เพิ่มขึ้น และชะลอลงทุนหุ้นในเอเชียด้วย
รวมทั้งเมื่อวันศุกร์ที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมาธนาคารกลางยุโรปได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50%มาอยู่ที่ 2.00% จากเดิมอยู่ที่ 2.25%หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นระดับที่ตลาดคาดการณ์ไว้แล้ว จึงส่งผลให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์ แต่ในที่สุดเชื่อว่าสกุลเงินยุโรปก็จะกลับมาอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลสหรัฐเพราะวิกฤติเศรษฐกิจสร้างความเสียหายกับระบบเศรษฐกิจแถบยุโรป จึงส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง
อีกทั้งวิกฤติเศรษฐกิจที่ชะลอตัวรุนแรงในครึ่งปีแรก2552 จะกระทบให้จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวประเทศไทยลดลง ขณะที่การส่งออกเริ่มชะลอตัวหรืออาจมีบางเดือนในปี2552 ที่ส่งออกติดลบ ส่งผลให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น ฝ่ายวิจัยคาดว่าค่าเงินบาทในครึ่งปีแรก2552 จะอยู่ที่ระดับ 36-37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นักค้าเงินธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์นี้(19-23ม.ค) จะแตะระดับ 34.80-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ต้องจับตาปัจจัยในต่างประเทศโดยเฉพาะการเสนอแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลก ซึ่งถ้าสัปดาห์นี้สหรัฐมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนเชื่อว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่ากว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ไว้เพราะนักลงทุนจะเริ่มเชื่อมั่นในเงินสกุลดอลลาร์มากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินสกุลดอลลาร์เริ่มแข็งค่าขึ้น
นักค้าเงินธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาท(16 ม.ค.)ปิดตลาดระดับ 34.87-34.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งระหว่างวันอ่อนค่าสุด 34.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และแข็งค่าสุด 34.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
|