ทันหุ้น-บลจ.บีทีไม่ถอดใจ  เดินหน้าเปิดขายกองทุนSTOR อีกรอบภายหลังตรุษจีนนี้ เล็งคลอด
กองอสังหาเพิ่มต่อเนื่อง 3-4 กองทุน  ลุยทั้งโรงแรมและอาคารสำนักงาน  คาดขายไอพีโอปลายปีนี้ และไตรมาส 1/2553 พร้อมประเมินทิศทางกองทุนอสังหาปีนี้สดใส  หลังดอกเบี้ยนโยบายลดกว่า 0.75%มาอยู่ที่ 2.0% ส่งผลให้กองบอนด์ผลตอบแทนหด

 นายนกุล ไชยนิล  ผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)บีที จำกัด BTAM เปิดเผยว่า ทิศทางกองทุนรวมอสังหาปีนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากเนื่องจากภาพรวมการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ทั้งตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้มีความเสี่ยง และไม่สามารถสร้างผลตอบแทนสูงเพียงพอกับความต้องการนักลงทุน ส่งผลดีต่อกองทุนรวมอสังหามาก โดยเฉพาะประเภทที่ลงทุนในลักษณะถือกรรมสิทธิ์(ฟรีโฮล)

 นอกจากนี้ กองทุนอสังหาประเภทฟรีโฮล จะไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากนัก เมื่อเทียบกับการลงทุนในอสังหาหรือที่ดินโดยตรงเนื่องจากกองทุนจะกำหนดอัตราผลตอบแทนให้นักลงทุนทุกปี ซึ่งโดยรวมทั้งระบบจะมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 8-9%ต่อปี

 “ซื้อที่ดินหรืออสังหาเองช่วงภาวะเศรษฐกิจไม่ดีเท่ากับเป็นการถือครองสินทรัพย์อย่างเดียว โดยไม่ได้รับผลตอบแทนทุกปี แต่มีโอกาสสูงที่กองทุนเปิดใหม่ที่จะเปิดขายปีนี้จะกำหนดอัตราผลตอบแทนต่ำลงมาอยู่ที่ 6-7%ต่อปีได้เพราะอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาลง จึงไม่มีแรงจูงใจที่จะกำหนดไว้สูง”นายนกุล กล่าว
 ส่วนความกังวลรายได้ของกองทุนจะปรับลดลงและกระทบต่อการจ่ายผลตอบแทน มองว่าภาระจะอยู่กับผู้เช่ามากกว่าเพราะกองทุนจะมีการทำสัญญารับประกันรายได้ไว้แล้ว

 นายนกุล กล่าวว่าบริษัทมีแผนจะเปิดขายกองทุนอสังหาเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4 กองทุน โดยเฉลี่ยมูลค่าโครงการ  600-1,500 ล้านบาทภายในปี 2552-2553 เพื่อเพิ่มช่องทางลงทุนหลากหลาย และครอบคลุมความต้องการนักลงทุนมากขึ้น โดยจะเน้นลงทุนในลักษณะถือครองกรรมสิทธิ์ทั้งหมด

 ทั้งนี้กองทุนแรกที่บริษัทจะเปิดเสนอขายจะเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 สโตร์เรจ (101 Storage Property Fund) หรือ STOR มูลค่าโครงการ 603 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนที่เลื่อนการเปิดขายมาจากปี 2551 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว

 โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 101 บนเนื้อที่กว่า 39 ไร่  สำหรับจุดเด่นกองทุนนี้จะลงทุนในอาคารรับฝากสินค้า  ซึ่งเป็นกองทุนแรกของไทย  โดยจะประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ 6 ปีแรก ในอัตราไม่ต่ำกว่า 7% ต่อปีโดยมีการค้ำประกันของธนาคารพาณิชย์ และผลตอบแทนของกองทุนจะจ่ายเป็นเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยไม่เกินปีละ 2 ครั้ง

 ส่วนกองทุนที่ 2 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นประเภทอาคารสำนักงานในย่านใจกลางเมืองกรุงเทพที่มีมูลค่า 2,000 ล้านบาท รวมทั้งปีนี้บริษัทเตรียมยื่นสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เพื่อจัดตั้งกองทุนอสังหาประเภทโรงแรมอีก 1 กองโดยคาดว่าจะเปิดขายได้ไตรมาส 1/2553

 “กองทุน STOR บริษัทได้กำหนดวันขายหน่วยลงทุนจะอยู่ในช่วงหลังตรุษจีนนี้ ส่วนกองทุนโรงแรมคาดว่าจะเป็นช่วงปลายปี 2552 เพราะต้องรอดูทิศทางตลาดอีกครั้ง และกองทุนที่ 3 จะเปิดขายช่วงไตรมาส 1/2553”นายนกุลกล่าว

 สำหรับคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงอีก 0.75%จากเดิม 2.75%มาอยู่ที่ 2.0% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด  เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนอสังหามากขึ้น ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำรองจากกองทุนตราสารหนี้ และปัจจุบันผลตอบแทนของกองทุนปรับลดลงตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย