May 10, 2024   5:59:13 PM ICT
ยูโอบีส่ง9กองทุนใหม่ลุยปีฉลู อัดกลยุทธ์ตลาดกองชัวร์เดลี่Q2

ทันหุ้น-บลจ.ยูโอบีเผยปีนี้คลอดกองใหม่เพิ่มแค่ 9 กองทุน มูลค่าโครงการเฉลี่ย 1-2 พันล้านบาท ลุยทั้งตราสารหนี้ต่างประเทศ-กองลิงค์ผลตอบแทน พร้อมเร่งเครื่องการตลาดกองชัวร์เดลี่  ดักทางแบงก์ชะลอแข่งขันเงินฝาก คาดเงินไหลกลับกองทุนมากกว่า 1 แสนล้านบาท  ส่วนตลาดหุ้นมีโอกาสฟื้น 10-15%จากสิ้นปีก่อน 400 จุด เพิ่มน้ำหนักหุ้นกลุ่มพาณิชย์,เกษตร และกลุ่มโรงพยาบาลเข้าพอร์ต


     นายวนา พูนผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ยูโอบี(ไทย) จำกัด เปิดเผยกับ”นสพ.ทันหุ้น”ว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจปีนี้ยังคงนโยบายควบคุมความเสี่ยงการลงทุนให้กับนักลงทุนเช่นเดียวกับปี 2551 เนื่องจากภาวะการลงทุนปัจจุบันมีความเสี่ยงจากวิกฤตเศรษฐกิจอยู่มาก
     ทั้งนี้บริษัทมีแผนออกกองทุนใหม่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 9 กองทุน โดยเบื้องต้นจะมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีนโยบายลงนกระจายทุกสินทรัพย์ แต่จะเน้นที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ตราสารหนี้ต่างประเทศ  และกองทุนเปิดที่มีการลิงค์ผลตอบแทนกับสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนกองทุนหุ้นจะเน้นขายกองทุนเดิมมากกว่า


     นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทจะสานต่อแผนการตลาดกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์เดลี่ โดยล่าสุดได้ต่อสัญญากับพอล ภัทรพล ซึ่งเป็นพรีเซ็นเตอร์เดิม และคาดว่าปลายไตรมาส 1หรือต้นไตรมาส 2 ของปีนี้จะเริ่มเห็นโมษณาออกมา รวมทั้งปีนี้บริษัทจะร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์พันธมิตรและเป็นตัวแทนขายกองทุนประมาณ 2-3 ราย เพื่อเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านกองทุน ซึ่งปัจจุบันกองทุนดังกล่าว มีNAVเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2551 ที่มีNAVประมาณ 23,000 ล้านบาท


      “ช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้านี้บริษัทจับมือกับบล.ภัทรได้เริ่มเปิดให้ซื้อขายหุ้นผ่านกองทุนชัวร์เดลี่ไปแล้ว ซึ่งมีนักลงทุนสนใจมาก ซึ่งตอนนี้มีบล.หลายแห่งสนใจเข้าร่วมเพราะช่วยสร้างฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น”นายวนากล่าว


      นายวนา กล่าวถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมกองทุนรวมปีนี้ว่า มีโอกาสจะฟื้นตัวดีขึ้นประมาณ 5-10%จากปี 2551 ที่ปรับลดลงจากปี 2550 ประมาณ 5% เนื่องจากไตรมาส 1- 3/2551อุตสาหกรรมกองทุนรวมต้องเผชิญกับภาวะแข่งระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์  ส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลออกจากกองทุนไปอยู่ในเงินฝากประมาณ 100,000-110,000  ล้านบาท


       “ตอนนี้อยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาลง  ซึ่งเชื่อว่าแบงก์จะไม่มีการแข่งขันออกอัตราดอกเบี้ยเงินฝากพิเศษอีก เพราะจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นและที่ผ่านมาช่วงวิกฤติการเงินสหรัฐแบงก์ไม่สามารถปล่อยกู้ได้ จึงคาดว่าอาจจะมีเงินไหลกลับเข้ากองทุนได้มากกว่าที่ไหลออกไปก่อนหน้าเล็กน้อย”นายวนา กล่าว
     ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2551 ยอมรับว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ได้ปรับลดลงประมาณ 20%จากปี 2550 ที่มีNAVประมาณ 82,000 ล้านบาทมาอยู่ที่ 66,000 ล้านบาท ซึ่งลดลงมากกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม


      “บริษัทมีเม็ดเงินจากกองทุน ECPที่ทยอยครบอายุในปีที่ผ่านมาประมาณ 19,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทไม่ได้ออกกองทุนใหม่โดยเฉพาะกองทุนเกาหลีใต้ออกมาทดแทนทำใหม่มีเม็ดเงินไหลออกเยอะ”นายวนากล่าว


     นายวนา กล่าวว่าทิศทางตลาดหุ้นปีนี้ น่าจะมีความผันผวนอยู่มาก โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรก แต่เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นครึ่งปีหลังจากความเชื่อมั่นรัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพมากขึ้น และเชื่อว่าจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาต่อเนื่อง ซึ่งจะเริ่มเห็นผลไตรมาส 3/2552 และคาดว่าจะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นสิ้นปีมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15%จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 400 กว่าจุด


     สำหรับการบริหารพอร์ตกองทุนหุ้นช่วงนี้จะทยอยซื้อหุ้นเพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนการถือครองเงินสดจะมีประมาณ 1-5% ส่วนการลงทุนในหุ้นจะให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มที่มีพื้นฐานการดำเนินงานที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจชะลอตัว เช่น กลุ่มพาณิชย์ ,สินค้าเกษตร และกลุ่มโรงพยาบาล เป็นต้น แต่จะลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มพลังงานลง

เข้าชม: 1,098

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com