ทันหุ้น-ตลาดเงิน-ตลาดทุนเห็นพ้องเฟดคงดอกเบี้ย 0-0.25% เพราะต่ำมากแล้ว เชื่อต่อจากนี้ไปจะหันมาใช้นโยบายการคลังแทนการเงินเพื่อกอบกู้เศรษฐกิจ เชื่อดอลล์ไม่อ่อนค่าลง ส่วนบาททรงตัวแตะ 34.85-35.10 ต่อดอลล์ สวนทางค่าเงินภูมิภาคที่อ่อนค่าไม่หยุด
นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในวันที่ 27-28 ม.ค.นี้เพื่อพิจารณาทิศทางดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0-0.25% เพราะเป็นระดับที่ต่ำมาก ซึ่งมั่นใจว่านับจากนี้ไปสหรัฐจะเริ่มใช้นโยบายการคลังแทนนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ
อย่างไรก็ตาม แม้เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศ(ธปท.) จะยังมีนโยบายปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นเดิม ซึ่งทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของไทยปี 2552 จะไม่เป็นไปตามทิศทางดอกเบี้ยทั่วโลกเพราะไทยจะเริ่มหันมาดูปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นในประเทศมากขึ้น เช่น เงินเฟ้อ ความเชื่อมั่น การส่งออก และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(GDP) โดยคาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในที่ 24 ก.พ.นี้จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50 % มาอยู่ที่ 1.50% จากเดิม 2.00%
ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยหลังเฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ย เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนอย่างใดเพราะปัจจัยดังกล่าวตลาดต่างคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าการประชุมลดดอกเบี้ยของเฟดในรอบที่ผ่านมาจะเป็นรอบสุดท้าย
“ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนต่างประเทศหรือในประเทศต่างเริ่มให้ความสำคัญกับความเชื่อมั่นมากกว่านโยบายดอกเบี้ย จึงเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่ว่าจะเป็นอัตราเท่าใดก็เริ่มไม่ส่งผลกระทบต่อตลาด” นายธนัท กล่าว
ด้านนักค้าเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย และหันมาใช้นโยบายการคลังเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการคงอัตราดอกเบี้ยจะไม่ส่งผลกระทบให้เงินสกุลดอลลาร์อ่อนค่าลง ขณะที่สกุลบาทยังทรงตัว โดยเชื่อว่าบาทจะทรงตัวแตะ 34.85-35.10 ต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสวนทางกับค่าเงินภูมิภาคที่อ่อนค่าต่อเนื่อง
“ส่วนตัวมองว่าการที่ค่าเงินบาทยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคแทนที่จะเคลื่อนไหวตามภูมิภาค น่าจะมาจากการมีเม็ดเงินกองใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างไม่มีนัยสำคัญ” นักค้าเงิน กล่าว
นักค้าเงินธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมเนื่องจากเป็นอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันต่ำมาก และจะเริ่มทบทวนเม็ดเงินจำนวน 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐที่ใช้อัดฉีดสภาพคล่องในช่วงก่อนหน้านี้ว่าจะช่วยระบบเศรษฐกิจได้มากน้อยอย่างไร ก่อนที่จะอัดฉีดเม็ดเงินใหม่จำนวนต่อไป
ทั้งนี้การที่ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์เฟดคงอัตราดอกเบี้ย เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนและค่าเงินบาท โดยคาดว่าค่าเงินบาทจะทรงตัวแตะ 34.8-35.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่เชื่อว่าค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าได้เนื่องจากได้รับผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะส่งออกที่คาดว่าจะติดลบ นักค้าเงินธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาท(27ม.ค.)ปิดที่ 34.89-34.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างวันอ่อนค่าสุด 34.94 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และแข็งค่าสุด 34.92 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
|