ทันหุ้น-ฝรั่งเลิกตื่นวิกฤติโลก เริ่มกลับเข้าลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและลงทุนโดยตรง หนุนบาทแข็งกว่ากว่าภูมิภาค หรืออ่อนค่าช้ากว่าเพราะรับอานิสงส์รัฐอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดูดนักลงทุนกลับเข้าตลาดบางส่วน จับตาการเมืองหากรุนแรงฉุดบาทอ่อนหลุด 35 ต่อดอลล์
นายบรรลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยธนาคารจำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงนี้จะเริ่มเห็นเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นเนื่องจากความตื่นตระหนกจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นเริ่มลดลง เชื่อว่าจะเริ่มมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและการลงทุนโดยตรงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าค่าเงินภูมิภาค
รวมทั้งจากการที่ไทยมีสินค้าส่งออกอยู่หลายประเภท เมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาค เช่น สิงคโปร์สินค้าที่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอิเลคทรอนิกส์ที่จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวมากที่สุด ซึ่งมองว่าภาคการส่งออกของไทยยังดีกว่าภูมิภาค โดยคาดว่าส่งออกไทยปี 2552 จะติดลบประมาณ 15-20 % จากปี 2551 ที่ขยายตัว 17% ด้วยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าช้ากว่าประเทศในภูมิภาค
นักค้าเงินธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) BT กล่าวว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์นี้(2-6 ก.พ.)ทรงตัวแตะ 34.80-35.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจัยที่อาจส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนมากกว่าที่ประมาณการไว้คือการชุมนุมครั้งใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ(เสื้อแดง) ซึ่งหากเกิดความรุนแรง จะส่งผลให้เม็ดเงินเริ่มทยอยออกจากตลาดหุ้น รวมทั้งความเชื่อมั่นลงทุนจะเริ่มลดลงด้วย และอาจส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงแตะ 35.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
“ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าเงินภูมิภาค โดยทั้งเดือนม.ค.บาทอ่อนค่าประมาณ 0.11 บาท หรือ 0.31% เนื่องจากการได้รับอานิสงส์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นในตลาดลงทุนกลับมาได้บางส่วน” นักค้าเงิน กล่าว
นักค้าเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าว่า ค่าเงินบาทอ่อนค่าช้ากว่าค่าเงินในภูมิภาคที่อ่อนค่าสูงสุดกว่า 30% ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเพียง 1.5% เนื่องจากได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมทั้งพื้นฐานธุรกิจในประเทศยังปรับตัวได้ดี
โดยจะเห็นได้จากค่าเงินบาทในเดือนม.ค. เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ซึ่งแข็งค่าสุด 34.87 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และอ่อนค่าสุด 34.97 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จึงเชื่อว่าค่าเงินบาทในเดือน ก.พ.จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบเช่นกัน ส่วนค่าเงินบาทสัปดาห์นี้(2-6 ก.พ.)ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบค่าเงินบาท จึงเชื่อว่าค่าเงินบาทจะยังเคลื่อนไหวระหว่าง 34.85-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นักค้าเงินธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาท(30 ม.ค.)ปิดตลาดที่ 34.95-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งระหว่างวันอ่อนค่าสุด 35.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และแข็งค่าสุด 34.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากวันที่29 ม.ค.ที่แตะ 34.91 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
|