ทันหุ้น-รัฐค้ำประกันสินเชื่อรัฐวิสาหกิจ 2 แสนล้าน  ช่วยกระตุ้นสินเชื่อทั้งระบบปีนี้ไม่ให้ติดลบ   แต่ไร้ผลเอื้อสินเชื่อแบงก์รัฐโตน้อย เพราะวงเงินกู้แค่ 10-15% ของGDP แถมยิลด์ต่ำกว่าปล่อยกู้ให้เอกชนทั่วไป  คาดทั้งระบบสินเชื่อปีนี้ยังปล่อยกู้ฝืดโตเพียง 2-4% จากปีก่อนพุ่ง 10% เชื่อยังถูกกดดันจากเศรษฐกิจชะลอตัวหนัก 

 นายธนัท  รังษีธนานนท์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์  บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  การที่ภาครัฐเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจโดยจะค้ำประกันเงินกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์ในกรณีปล่อยสินเชื่อให้กับรัฐวิสหกิจในวงเงินจำนวน 2 แสนล้านบาท  โดยการขอเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ที่รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้น เช่น ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) KTB ,ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) SCIBและธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) TMB ซึ่งเม็ดเงินขอสินเชื่อจากรัฐบาลอาจจะไม่ส่งผลให้สินเชื่อของทั้ง 3 ธนาคารเติบโตเท่าที่ควร

 ทั้งนี้ เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนของรัฐบาลในครั้งนี้คิดเป็น 10-15% ของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(GDP) หรือคิดเป็น 10-15 %ของเงินให้สินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์  ซึ่งนับว่าเป็นอัตราวงเงินสินเชื่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับการลงทุนของภาคเอกชนที่คิดเป็น 80-85%ของGDP และคิดเป็น 80-85 %ของเงินให้สินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์

 “เศรษฐกิจและสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์จะเติบโตได้ดีนั้น  รัฐบาลต้องเร่งการใช้จ่ายของภาคเอกชนเนื่องจากกลไกเศรษฐกิจส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคเอกชน และเมื่อความเชื่อมั่นกลับมามองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว และการขอสินเชื่อจะมีเพิ่มขึ้นด้วย” นายธนัท กล่าว
  สำหรับการที่ KTB ได้เสนอวงเงินกู้ให้กับรัฐบาลจำนวน 80,000 -100,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของเงินลงทุนของภาครัฐบาลนั้น ถ้ารัฐบาลอนุมัติวงเงินให้กู้ทั้งหมด ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าสินเชื่อปี 2552 จะเติบโตมากกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ที่ 4%  อย่างไรก็ตาม ระหว่างปีอาจจะมีการชำระคืนหนี้เมื่อถึงกำหนดได้เช่นเดียวกัน แต่เชื่อว่าสินเชื่อปี 2552จะลดลงจากปี 2551ที่สินเชื่อเติบโต 9.6% ตามภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่า GDP จะเติบโตเพียง 2%

 ขณะที่ SCIB และTMB ยังไม่มีการเสนอวงเงินให้กู้แก่ภาครัฐบาลเพราะฉะนั้นคาดว่าสินเชื่อในปี2552 ของทั้ง 2 ธนาคารจะเติบโตตามประมาณการณ์ไว้ ดังนี้ SCIB คาดสินเชื่อปี2552 อยู่ที่ 6% ลดลงจากปี 2551 ที่สินเชื่อเติบโต 11% และTMB คาดสินเชื่อปี 2552 ลดลง 2% จากปี 2551 ที่สินเชื่อลดลง 8.7%  ทั้งนี้ถ้าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังย่ำแย่กว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ไว้อาจจะปรับประมาณการณ์สินเชื่อลงได้เช่นเดียวกัน

     นายธนัท กล่าวว่า แม้ธนาคารพาณิชย์ที่รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นจะเฉลี่ยให้เงินกู้แก่ภาครัฐบาลในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน ไม่ได้ความว่าธนาคารรัฐจะมีสินเชื่อที่เติบโตได้ดีเนื่องจากต้องดูอัตราผลตอบแทน(Yield) เพราะส่วนใหญ่ปล่อยกู้ให้กับภาครัฐบาลจะได้ Yield ที่น้อยกว่าปล่อยกู้ทั่วไป เพราะฉะนั้นมีโอกาสที่ธนาคารพาณิชย์ทั่วไปจะมีสินเชื่อที่เติบโตดีกว่า  อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยคาดว่าสินเชื่อรวมของระบบธนาคารพาณิชย์ปี 2552 จะเติบโตเพียง 4% ลดลงจากปี 2551 ที่เติบโต 10%

 ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอสวิคเคอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการที่ภาครัฐบาลจะค้ำประกันเงินกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยสินเชื่อให้กับรัฐวิสาหกิจจำนวน 200,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะติดลบ หรือไม่ขยายตัวให้กลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นได้   อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยคาดว่าGDP ที่ชะลอตัวต่อเนื่องอาจส่งผลให้สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ปี 2552 จะขยายตัวไม่ถึง 2% จากปี 2551 ที่สินเชื่อขยายตัวประมาณ 10%