ทันหุ้น-ตลาดเผยนักลงทุนญี่ปุ่นสนใจลงทุนหุ้นรัฐวิสาหกิจ และลงทุนกองETF มากกว่าหุ้นรายตัวขนาดกลางและเล็ก พร้อมต้องการให้แก้ปัญหาสภาพคล่องของหุ้นเพิ่มขึ้น เตรียมทบทวนผู้ดูแลสภาพคล่องในหุ้นบางตัว ส่วนตลาดสัปดาห์นี้ยังผันผวนตาม วิตกเศรษฐกิจโลกถดถอย คาดสัปดาห์นี้นักลงทุนเกาะติดประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส4/2551 และประชุมกนง.ลดดอกเบี้ย คาดดัชนีแกว่งในกรอบ 430-450 จุด แนะเลือกเล่นหุ้นปันผล
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่ตลท.ได้ร่วมกับ Daiwa Securities จัดแนะนำข้อมูล(โรดโชว์) ที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 18-20 ก.พ.ที่ผ่านมาพบว่า นักลงทุนต่างชาติบางรายมีความสนใจจะเข้าลงทุนในกองทุน ETF มากกว่าจะเข้าลงทุนในหุ้นรายตัวในตลาดหุ้นไทย เพราะอาจจะติดปัญหาสภาพคล่อง
ทั้งนี้นักลงทุนต้องการให้ ตลท.แก้ไขปัญหาสภาพคล่องของหุ้นให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนบางรายสนใจที่จะเข้าลงทุนหุ้นขนาดกลางถึงเล็ก ซึ่งเรื่องการแก้ปัญหาสภาพคล่อง ดังนั้น ตลท.จะกลับมาทบทวนเรื่องผู้ดูแลสภาพคล่อง(market maker) สำหรับหลักทรัพย์บางตัวอีกครั้ง ว่าควรจะมีหรือไม่ นอกจากนี้ยังพบว่ามีกองทุนญี่ปุ่น 1 รายที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยและมีขนาดกองทุนกว่า 2 พันล้านบาท โดยเข้าลงทุนในบริษัทจดทะเบียนจำนวน 25 แห่ง เน้นการลงทุนในหุ้นที่ให้เงินปันผลสูง รวมทั้งหุ้นกลุ่มบริการ กลุ่ม consumer product เนื่องจากมองว่า หากการบริโภคในประเทศไทยยังดีหุ้นกลุ่มเหล่านี้จะน่าสนใจ
"นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับภาพรวมการเมืองของไทยว่าจะเป็นอย่างไร จะมีความมั่นคง และสามารถผลักดันนโยบายที่วางไว้ได้หรือไม่ รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายในประเทศ"นางภัทรียากล่าว
อย่างไรก็ดี นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการให้มีบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียน โดยเฉพาะการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดย ตลท.จะประสานงานกับภาครัฐในการผลักดันเรื่องนี้ เนื่องจากบางโครงการของรัฐที่เกี่ยวเนื่องกับภาครัฐ และต้องการเงินลงทุน เช่นโครงการที่เกี่ยวกับไฟฟ้า น้ำประปา หรือระบบขนส่งที่จะมีการลงทุน ซึ่งตลท.จะมีการประสานงานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว รวมทั้งรอติดตามรายงานตัวเลขอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจหรือจีดีพีในไตรมาส 4/2551
ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจปี 2552 ของธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศในสัปดาห์นี้ รวมทั้งผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 ก.พ.2552 ว่า กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเท่าใดเนื่องจากประเด็นดังกล่าวมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนเป็นอย่างมาก สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำชะลอการลงทุน และถือเงินสด โดยประเมินแนวรับอยู่ที่ 430 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 440-450 จุด
ด้านนายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ตลาดยังมีความผันผวนอยู่ อาจจะเคลื่อนไหวในลักษณะอ่อนตัวลงมาก่อน โดยภาพรวมผู้ลงทุนส่วนใหญ่ดูตามปัจจัยในตลาดต่างประเทศเป็นหลักในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งจับตลาดหุ้นสหรัฐเพราะเป็นตัวชี้นำตลาด
สำหรับปัจจัยภายในประเทศเรื่องของการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงแต่ละโบรกที่จะมีการปรับประมาณการณ์ในไตรมาส 1/2552 จึงประเมินกรอบแนวรับไว้ที่จุดต่ำสุดเดิม 424 จุด และแนวต้าน 445 จุด โดยกลยุทธ์การลงทุน หากต้องการลงทุนในช่วงนี้ให้เลือกหุ้นที่มีปันผลและราคาหุ้นปรับตัวลงมากแล้ว
|