April 28, 2024   3:56:56 AM ICT
ตลาดผันผวน400-450จุด เลือกหุ้นแกร่ง-ปันผลสูง

ทันหุ้น-ตลาดหุ้นไปไม่ไกลหลังโดนแรงถ่วงจากตลาดหุ้นนอก  โบรกคาดดัชนีแกว่งในกรอบ 400-450 จุด  แนะเลือกเล่นหุ้นพื้นฐานธุรกิจแกร่ง   ปันผลสูง  คัดSCB-BBL-KBANKและLH  ส่วนบาทอ่อนตามภูมิภาคเชื่อแบงก์ชาติรับมือได้   คาดคงไม่ทะลุ 37 บาทต่อดอลล์ 
 ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้(3 มี.ค.)ปิดตลาดที่ 413.09 จุด ลดลง 3.43 จุด หรือ 0.82% มูลค่าซื้อขาย 8,043.98 ล้านบาท


 นายกิตติ เหมนิลรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาตกต่ำมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้


 ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้(4-6 มี.ค.)จะเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ยังไม่เห็นปัจจัยบวกเข้ามา  ซึ่งปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจยังส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูง สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “ขายทำกำไร” โดยให้แนวรับ 400 จุด แนวต้าน 420 จุด 


 ด้านนายพงษ์พันธ์  อภิญญากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์  บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ผันผวนสูงเนื่องจากผลพวงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ล่าสุดการที่บริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (AIG) บริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ประสบปัญหาสภาพคล่องอาจล้มละลายสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวแน่นอน ซึ่งอาจสะท้อนให้เห็นว่าภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนสูงต่อเนื่อง


 อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในกรอบดัชนี 400-450 จุด แต่จะไม่ต่ำกว่า 300 จุด โดยในปี2552 จะไม่เห็นดัชนีลดลงแรงเช่นเดียวกับต้นไตรมาส4/2551เพราะนักลงทุน รวมทั้งกลุ่มบริษัทต่างๆเริ่มมีการปรับตัวลดต้นทุนและบริหารความเสี่ยงต่างๆ รวมทั้งเริ่มเห็นหลายบริษัทหันมาทบทวนการควบรวมกิจการมากขึ้นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจ   สำหรับกลยุทธ์ลงทุนแนะนำ “ เก็งกำไร” หุ้นที่มีความแข็งแกร่งทางธุรกิจ การขยายกิจการ และหุ้นปันผลตอบแทนสูง เช่น  SCB BBL KBANKและLH


 นายพงษ์พันธ์   กล่าวว่า ส่วนค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องตามค่าเงินภูมิภาค แต่อยู่ในระดับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ควบคุมได้  ทั้งนี้การที่ไทยได้รับผลกระทบจากส่งออก ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อน แต่สินค้านำเข้าประเภทสินค้าคอมมูดิตี้ เช่น เหล็ก  ปูน มีราคาถูกลงมากเช่นกันหลังจากประเทศที่นำเข้าประสบปัญหา ดังนั้นแม้ค่าเงินบาทจะอ่อนค่ากว่า 37.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่คงมีเสถียรภาพ


 “ จากการผ่านมาการที่แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย 0.50% และในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 2 แสนล้านบาท แต่การที่ไทยนำเข้าสินค้าที่ถูกลง อีกทั้งแบงก์ชาติมีทุนสำรองและสภาพคล่องสูงการปรับลดดอกเบี้ยหรือขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติจึงไม่กระทบตลาดเงินในประเทศมากนัก”นายพงษ์พันธ์ กล่าว


 นักค้าเงินธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาทวานนี้(3 มี.ค.)ปิดตลาดที่ 36.14-36.18 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ  ระหว่างวันแข็งค่าสุด 36.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และอ่อนค่าสุด 36.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
     “แม้บาทจะอ่อนค่ากว่า 3% แล้วแต่ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าค่าเงินบาทสัปดาห์นี้จะยังไม่ถึง 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าแบงก์ชาติจะปล่อยให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าตามภูมิภาค แต่ไม่ต้องการให้ค่าเงินอ่อนเร็วมากจนเกินไป” นักค้าเงินกล่าว

เข้าชม: 1,479

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com