ทันหุ้น - พิษเศรษฐกิจตัวแปรหลัก กดความเชื่อมั่นนักลงทุนหด ฉุดดัชนีตลาดหุ้นดิ่งลงเหวไม่มีที่สิ้นสุด ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังไร้ข่าวดีหนุน ด้านสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ?สมบัติ นราวุฒิชัยจ้องปรับเป้าดัชนีปี52ใหม่ หลังภาวะเศรษฐกิจโลกแย่กว่าที่คิด ขณะที่โบรกต่างชาติประเมินฝรั่งเมินลงทุนในตลาดหุ้นไทยยาว ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะ หุ้นปันผล-ไร้ปัญหาเศรษฐกิจกดดัน ADVANC-CPALL-BEC-TUF-BBL-KBANK
การเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (9 มี.ค.) ปิดตลาดที่ระดับ 411.27 จุด ลดลง 8.24 จุด หรือ 1.96% มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 5,521 ล้านบาท โดยมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มแบงก์ ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 455.63 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 297.81 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 43.85 ล้านบาท
นายพิชัย เลิศสุพงษ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตลาด บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาติ จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้(10 มี.ค.) ยังขาดปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้น ประกอบกับนักลงทุนยังมีความกังวลในปัญหาการถดถอยของเศรษฐกิจโลก แต่ทั้งนี้คาดว่าดัชนีจะมีการฟื้นตัวได้ในช่วงสั้น หลังจากที่ปรับตัวลดลงในวานนี้(9 มี.ค.) โดยมองแนวรับแรก 408 จุด และแนวรับถัดไป 400 จุด ส่วนแนวต้านแรก 416 จุด และต้านถัดไป 430 จุด
?การปรับตัวลดลงมาของดัชนีหุ้นวานนี้ เกิดจากแรงขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มแบงก์ จากความกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะถดถอยหนักกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่หลังจากที่ลงมาเยอะในช่วงสั้นอาจจะมีลุ้นรีบาวด์ได้นายพิชัยกล่าว
นอกจากนี้ มองว่านักลงทุนควรจับตาการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ รวมทั้งการรายงานผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ดังนั้นจึงประเมินกลยุทธ์การลงทุน ?ทยอยสะสมหุ้นที่พื้นฐานดี มีปันผลสม่ำเสมอ และเป็นหุ้นที่ปลอดภัยจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และในประเทศ เช่น ADVANC, CPALL, BEC และ TUF
ด้านนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (9 มี.ค.) มองว่าเกิดจากความกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะถดถอยหนักกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในทุกประเทศทั่วโลก
?นักลงทุนกังวล และชะลอลงทุน เมื่อมีหลายประเทศการรายงานตัวเลข GDP ปีนี้ออกมาติดลบตามๆกัน โดยเฉพาะในส่วนของสหรัฐที่คาดว่าตัวเลข GDP ปีนี้ติดลบ 6% และไทยเองก็คาดว่า GDP ติดลบ 4% ทำให้กิจกรรมด้านการลงทุนชะลอลง โดยเฉพาะตลาดหุ้นลดลงไปด้วยนายสมบัติกล่าว
ขณะเดียวกันทางสมาคมอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบ และแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงสิ้นปีใหม่อีกครั้ง หลังจากสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะสามารถสรุปผลได้
?สมาคมจะต้องปรับลดดัชนีสิ้นปีลงมาอีก แต่จะมาอยู่ในระดับเท่าไหร่นั้นจะต้องติดตามดูอีกที่ว่าสมาชิกของสมาคมนักวิเคราะห์จะมีความเห็นอย่างไรบ้างนายสมบัติกล่าว
ส่วนการนำเสนอข้อมูลต่างๆของบริษัทหลักทรัพย์นั้น ทางสมาคมได้มีนโยบายเสนอให้บริษัทหลักทรัพย์เสนอข้อมูลด้านการลงทุนทั้งในเชิงบวก และเชิงลบอย่างครอบคลุมมากขึ้น แม้ว่าช่วงนี้ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงมามากแล้วก็ตาม และแนะนำกลยุทธ์การลงทุนทั้งในระยะยาว และสั้นซึ่งเหมาะสมกับพฤติกรรม และการหมุนเวียนของเงินในมือของนักลงทุนให้มากที่สุด
ขณะที่มล.ทองมกุฏ ทองใหญ่ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทย แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงไปอย่างมากแล้วก็ตาม โดยวานนี้ ( 9 มี.ค.) นักลงทุนต่างชาติมีการซื้อขายเพียง 20% ของมูลค่าซื้อขายรวมตลาด ที่ 5,521 ล้านบาทเท่านั้น
ส่วนทิศทางการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยมองว่า มีโอกาสที่จะปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับเดิม 380-360 จุด เพราะยังขาดปัจจัยบวก และปัจจัยลบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจยังกดดันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะกระทบต่อดัชนีสิ้นปีให้ปรับตัวลดลงมาอีกจาก 550 จุด สำหรับกลยุทธ์การลงทุนนั้น มองว่าหุ้นธนาคารพาณิชย์ ยังมีน้ำหนักที่น่าลงทุนมากสุด เพราะเป็นหุ้นที่อิงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ โดยเฉพาะแบงก์ขนาดใหญ่ เช่น BBL และ KBANK
|