ทันหุ้น - ส.นักวิเคราะห์ลงความเห็น ปี2552 ดัชนีตลาดหุ้นไทยเลวร้ายกว่าปีที่ผ่านมา เก็งดัชนีมีโอกาสไหลลงลึกที่ 360 จุด จากต่ำสุดปีก่อนที่ 380 จุด ด้านนายกสมาคม ?ก้องเกียรติ โอกาสวงการŽ ชี้ช่องรบฝ่าวิกฤติ เปิดหุ้นกลุ่มค้าปลีก-สื่อสาร-อาหารสำเร็จรูป จุดแข็งตลาดหุ้นไทย ส่องเศรษฐกิจโลกพ่นพิษหนัก กด GDP ไทยปีนี้ติดลบ 3% พร้อมประเมินความสามารถในการทำกำไรของ บจ.ปีนี้ลุ้นดีขึ้นที่ 10-15% จากปีก่อน ได้ดีมาตรการรัฐหนุนถูกทาง ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคฟื้นตาม 

     นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงถึงระดับ 360 จุด ซึ่งต่ำกว่าระดับเดิมในปีที่ผ่านมา ที่ระดับ 380 จุด เนื่องจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ส่งผลกระทบรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากตัวเลขเศรษฐกิจที่สะท้อนความถดถอยของทุกภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการเปิดเผยความเสียหายของสถาบันการเงินทั่วโลกที่ยังไม่มีจุดสิ้นสุด ซึ่งเชื่อว่ายังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกดดันการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้

 ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ปี 2552 คาดว่า น่าจะเติบโตขึ้น10-15% จากปีก่อน เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงหลักที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของ บจ. อาทิ ความวุ่นวายทางการเมือง การปิดล้อมสนามบิน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติเริ่มคลายความกังวลลงไปได้ในระดับสูง ทำให้ภาพรวมของ บจ. ในปีนี้จึงมีโอกาสปรับตัวได้ดีขึ้น

 ด้านนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า  แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ยังอยู่ในระดับทรงตัว โดยปริมาณการซื้อขายค่อนข้างบางเบา เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานซึ่งเป็นกลุ่มที่มีน้ำหนักต่อตลาด ยังมีแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติออกมาอย่างต่อเนื่อง จากความกังวลเกี่ยวกับการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจ
 ทั้งนี้ มองว่าขณะนี้ตลาดหุ้นไทยที่ยังทรงตัวอยู่ได้ เป็นผลมาจากแรงผลักดันจากหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากต่างประเทศ เนื่องจากปีนี้ธุรกิจที่ยังโดดเด่นและไม่ได้รับผลกระทบจากการถดถอยของเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มค้าปลีก สื่อสาร อาหารสำเร็จรูป ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้ว่าตัวเลขหนี้เสีย (NPL) จะอยู่ในระดับสูง แต่ยังไม่พบว่ามีธนาคารพาณิชย์ใดมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน

 ?กลุ่มธุรกิจอาหารถือเป็นจุดเด่นและจุดแข็งของตลาดหุ้น และเศรษฐกิจไทย ซึ่งรวมไปถึงธุรกิจการให้บริการและโรงพยาบาล ที่แม้ว่าช่วงหลังๆจะได้รับผลกระทบจากการถดถอยของเศรษฐกิจและการเมืองไปบ้าง แต่มองว่าในระยะยาวน่าจะฟื้นตัวขึ้นได้และกลับมาสร้างรายได้และความดึงดูดใจในการลงทุนให้กับกลุ่มนักลงทุนได้เป็นอย่างดีŽ นายก้องเกียรติ กล่าว

 นอกจากนี้ ยังได้คาดการณ์ อัตราการเจริญเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจ (GDP)ในปีนี้ว่า  น่าจะอยู่ที่ระดับ-3%(ลบ3%)จากช่วงปลายปี 2551 ที่ประเมินว่าจีดีพีจะอยู่ที่ระดับ-5%(ลบ5%) ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับภาพรวมเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่จะเข้ามามีผลกระทบด้วย ส่วนแนวโน้มอัตราการเจริญเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจ (GDP)ในช่วงไตรมาส 1-2/2552 น่าจะเป็นช่วงที่ปรับตัวลดลงหนักที่สุด และจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้บ้างในช่วงไตรมาส3-4/2552 แต่อัตราการเติบโตก็จะยังอยู่ในแดนลบต่อไป