ทันหุ้น-กลุ่มเหล็กเมินกระทรวงพาณิชย์หั่นราคาเหล็กลง 2 พันบาทต่อตัน เหตุราคาตลาดร่วงติดดิน ผู้บริหาร TYM “บุญชัย จิระพงษ์ตระกูล” ยิ้มรื่นไตรมาสแรกยอดขายโตเข้าเป้า 1,500 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,392 ล้านบาท ขณะที่ทั้งปีลุ้นเมกะโปรเจ็กต์ดันราคาเหล็กพุ่ง ส่วนSAMยันไม่ได้รับผลกระทบ ชูกลยุทธ์บริหารสต๊อกดีเยี่ยม โบรกส่องกล้องกลุ่มเหล็กรอดแต่ดีมานด์โลกยังกดดันแนะรอจังหวะลงทุน

 วานนี้ (16 มี.ค.52) อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มีมติปรับลดราคาแนะนำขายเหล็กทุกชนิดลง อีกตันละ 2,000 บาท มีผลตั้งแต่วานนี้เป็นต้นไป หลังราคาวัตถุดิบในตลาดโลกลดลงมาก เนื่องจากความต้องการใช้เหล็กตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนหน้าโรงงานอยู่ที่ตันละ 24,000-24,500 บาท เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดแผ่นตันละ 25,000-26,000 บาท เหล็กเส้นกลมน้ำหนักเส้นละ 2.22 กิโลกรัมตันละ 25,450 บาท เหล็กเส้นข้ออ้อย SD 30 น้ำหนักเส้นละ 8.88 กิโลกรัม ราคาตันละ 24,350 บาท เหล็กเส้นข้ออ้อย SD 40 น้ำหนักเส้นละ 8.88 กิโลกรัม ราคาตันละ 24,550 บาท

 นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยง้วนเมทัล จำกัด (มหาชน) TYM เปิดเผยว่าการปรับขึ้นราคาเหล็กของกระทรวงพาณิชย์ครั้งนี้เชื่อว่าบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากสินค้าของบริษัทจะไม่จัดอยู่ในกลุ่มที่ปรับลดลงราคาลง ยกเว้นเหล็กเส้นเท่านั้น และราคาส่วนใหญ่จะอ้างอิงราคาในตลาดโลกมากกว่า รวมถึงบริษัทยังมีสตล๊อกสินค้าเผื่อขายเพียง 45 วันเท่านั้น

 “เชื่อว่าไม่มีอะไรน่ากังวลมาก เพราะผลกระทบจะเกิดในระยะสั้นแน่นอนรวมถึงเหล็กเส้นจะคิดเป็นสัดส่วนรายได้เพียง 15%เท่านั้น และบริษัทจะกังวลกับสถานการณ์ในตลาดโลกมากกว่า ซึ่งตอนนี้ต้องรอให้รัฐเร่งหามาตรการช่วยเหลือกระตุ้นการใช้เหล็ก โดยเฉพาะโครงการเมกะโปร์เจ็กต์”นายบุญชัยกล่าว
 ส่วนแนวโน้มยอดขายในไตรมาส 1/2552 ยอมรับว่าเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้ส่งผลให้ให้ความต้องการใช้เหล็กลดลง แต่บริษัทยังคาดว่าจะยอดขายจะอยู่ที่ระดับ 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 1,392 ล้านบาท

 ขณะที่ทั้งปี 2552 ตั้งเป้ารักษายอดขายให้ใกล้เคียงกับปี 2551 ที่มียอดขายประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งตั้งแต่เดือนนีนาคมนี้ บริษัทจะมีกำลังการผลิตพิ่มขึ้นจากเครื่องจักรใหม่อีกประมาณ 80,000 ตันต่อปีจากจากเดิมอยู่ที่ 110,000-120,000 ตันต่อปี ส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของบริษัทอยู่ที่ 200,000 ตันต่อปี

 “บริษัทใช้กำลังการผลิตแบบเต็มกำลัง 2 แสนตันต่อปี ซึ่งมั่นใจว่าจะบริหารได้ดีเพราะจะคิดเป็นสัดส่วนยอดขายเพียง 20%เท่านั้น ส่วนที่เหลือจะเป็นรายได้จากการรับซื้อสินค้าและจำหน่ายต่อกับลูกค้าหรือเทรดดิ้ง”นายบุญชัยกล่าว

 ด้านนายพัชวัฏ  คุณชยางกูร ประธานกรรมการ บริษัท สามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) SAM กล่าวว่าขณะนี้บริษัทมีสตล๊อกสินค้าเผื่อขายพียงเดือนเศษหรือประมาณ 20,000 ตันเท่านั้นจากกำลังการผลิตอยู่ที่ 12,000-15,000 ตันต่อเดือน คิดเป็นกำลังการผลิต 50%ลดลงจากปีก่อนที่ใช้ 60% ส่งผลให้มั่นใจว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดราคาขายเหล็กมากนัก

 “ราคาซื้อขายของผู้ประกอบการเหล็กส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับราคาซื้อขายในตลาดมากกว่า ซึ่งมีต่ำกว่าราคากำหนดของกระทรวงพาณิชย์ จึงไม่น่ากังวลมากนัก ส่วนไตรมาส 1/2552 ยอมรับว่ายังน่าห่วง ซึ่งต้องหวังโครงการรัฐมากกว่าเพราะดีมานด์ภาคเอกชนไม่มีแล้ว แต่ก็มั่นใจว่าจะดีกว่าไตรมาส 4/2551”นายพัชวัฏกล่าว

 นักวิเคราะห์หลักกทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการปรับลดราคาเหล็กของกระทรวงพาณิชย์เป็นลักษณะแจ้งราคาแนะนำขายหรือเป็นเพดานในการปรับขึ้นราคาเหล็กของผู้ประกอบการเท่านั้น แต่การปรับลดลงในช่วงนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเหล็กเนื่องจากราคาซื้อขายในตลาดจริงยังคงต่ำกว่าราคาเพดาน โดยราคาซื้อขายในตลาดเฉลี่ยอยู่ 18-19 บาท และราคาเพดานอยู่ที่ 20-22 บาท

 “กลุ่มเหล็กในปีนี้ยังน่าห่วงเพราะความต้องการใช้ยังหดตัวตามเศรษฐกิจโลกซึ่งจะฟื้นตัวได้ต้องอาศัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจผู้บริโภคเหล็กรายใหญ่ อย่างจีนเป็นสำคัญจึงแนะรอจังหวะลงทุนทั้ง TYM และ SAM แต่แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”ในหุ้น TSTH ให้ราคาเป้าหมาย 1.20 บาท เพราะงมีโอกาสได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสูงที่สุดในกลุ่ม”นักวิเคราะห์กล่าว