April 28, 2024   10:28:22 PM ICT
โอเปกคงผลิตน้ำมันจ่อ40ดอลล์ โยกเล่นTOP-PTTCH-SCC

ทันหุ้น-น้ำมันจ่อร่วงแตะ 40 ดอลล์ต่อบาร์เรล หลังโอเปกหักปากกาเซียนคงกำลังการผลิตเท่าเดิม ด้านผู้เชี่ยวชาญ “มนูญ ศิริวรรณ”มองน้ำมันลงต่ออีก  รอเศรษฐกิจฟื้นตัวปลายปี หนุนความต้องการใช้กลับคืนมา ดันราคาน้ำมันขยับ 50-60 ดอลล์ชัวร์  โบรกแนะย้ายเล่นหุ้นโรงกลั่นและปิโตร TOP-PTTCH-SCCแทน หลังผ่านจุดต่ำสุดไตรมาส 4/2551 คาดฉายกำไรฟื้นไตรมาส 1/2552 ส่วนเทคนิคเริ่มสตาร์ท แนะ “ซื้อเก็งกำไร”ยกแผง


 นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า การคงกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกโดยตรง ซึ่งในช่วงแรกราคาน้ำมันจะลดลงอีกประมาณ 2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากวันศุกร์ที่ผ่านมา(13 มี.ค.)ซึ่งราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ที่ 46.25 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาแกว่งตัวที่ระดับ 40-44 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล


 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการควบคุมการผลิตของประเทศในกลุ่มโอเปกว่าจะสามารถทำได้ตามโควต้าที่กำหนดอย่างเคร่งคัดมากน้อยอย่างไรเพราะจากการปรับลดลงการผลิตในช่วงปลายปีที่ผ่านมารวมแล้ว 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวันยังไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่
 “การคงการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอกเปกมองว่าการลดการผลิตน้ำมันไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีขึ้น และปัจจุบันประเทศในกลุ่มโอเปกยังไม่สามารรถทำตามโควต้าที่กำหนดไว้ จึงต้องดูผลอีกระยะหนึ่ง จึงมาพิจารณารอบใหม่ในการประชุมรอบใหม่ปลายเดือนพฤษภาคมนี้”นายมนูญกล่าว


 อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวราคาน้ำมันมีโอกาสฟื้นตัวได้ปลายปี 2552 ซึ่งคาดว่าราคาน้ำมันจะแกว่งที่ระดับ 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้เพราะเชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะฟื้นตัว และความต้องการใช้จะเริ่มกลับมา  จึงแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน “ทยอยสะสม” หุ้นขนาดใหญ่ เช่น PTTEP และ PTT
 ด้านนายกิตติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การคงกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกจะส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับลดลงได้ช่วงสั้น โดยคาดว่าจะแกว่งในกรอบ 42-44 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จึงให้สลับกลุ่มเล่น โดยหาจังหวะขายหุ้น PTTEP ออกไปก่อน เพราะราคาหุ้นขึ้นมา 17%


 แล้วจึงหาจังหวะเข้าไปถือหุ้น TOP, PTTCH และ SCC แทน เพราะราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าในนิวยอร์กเปิดตอนเช้านี้ได้ลดลงต่ำกว่า  45 เหรีญสหรัฐต่อบาร์เรล และมองว่าหุ้นโรงกลั่นน้ำมันและเคมีภัณฑ์มีศักยภาพกำไรในไตรมาส 1/2552 ดี และช่วงกว้างราคาขึ้นยังสูงกว่าเป็นนัยยะ
 “อุตสาหกรรมการกลั่นและเคมีภัณฑ์จะฟื้นตัวกลับมาได้หลังจากที่ไปแตะระดับต่ำสุดไตรมาส 4/2551 ซึ่งจะทำให้กำไรดีขึ้นและการขาดทุนเนื่องจากสินค้าคงเหลือจะหมดไป โดยหากมองด้านราคาหุ้นจะมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า  PTTEP อีกด้วย”นายกิตติชาญ กล่าว


 นอกจากนี้ มองว่าปัจจุบันกลุ่มโอเปกมีเพดานการผลิตน้ำมันอยู่ที่ 24.84 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจากประเทศสมาชิกตัดสินใจลดเพดานการผลิตลง 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อปีที่แล้วเพื่อสกัดกั้นราคาน้ำมันที่ร่วงลงหนัก ซึ่งมองว่าไม่ได้ผลเท่าที่ควร และมองว่าการลดการผลิตน้ำมันไม่ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วตามที่คาดหวังไว้


 นายเตชธร ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ราคาหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีมีโอกาสจะปรับตัวได้ต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”หุ้น TOP ให้แนวรับ 25.00 บาท แนวต้าน 27.00 บาท เช่นเดียวกับ PTTCH ให้แนวรับ 26.00 บาท แนวต้าน 27.50บาท และ SCC ให้แนวรับ 95.00 บาท แนวต้าน 99.00 บาท


 ส่วน PTTEPระยะสั้นอยู่ในช่วงปรับฐาน แนะนำ “อ่อนตัวเก็งกำไร” ให้แนวรับ 95.00 บาท แนวต้าน 97.00 บาท  TOP(16 มี.ค.)ปิดที่ 25.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท  มูลค่าซื้อขาย 420 ล้านบาท ส่วน PTTCH ปิดที่ 26.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 94.82 ล้านบาท และ SCCปิดที่ 95.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 103 ล้านบาท ส่วน PTTEPปิดที่ 95.50 บาท ลดลง 1.50 บาท  มูลค่าซื้อขาย 746.24 ล้านบาท

เข้าชม: 1,545

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com