ทันหุ้น-ฝรั่งชอบหุ้นแบงก์ลงทุนระยะยาวตั้งแต่ 1 ปีมากขึ้น หลังพบดิวิเดนท์ยิลด์สูงลิ่วจูงใจ ความสามารถทำกำไรเยี่ยม สำรองต่อหนี้NPLสูงเกิน 70% ชี้ภาวะตลาดผันผวนส่งผลให้นักลงทุนรายย่อยเก็งกำไรช่วงสั้นตามข่าวดีในสหรัฐ โบรกยกKTB ดิวิเดนท์ยิลด์สูงสุดในกลุ่ม 10% ส่วนอัพไซด์พุ่ง 55% รับประโยชน์สินเชื่อภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ ลุ้นชิงเค้กสินเชื่อรัฐวิสาหกิจสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาท
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ฟินันซ่า จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มอัตราปันผลตอบแทน(Dividend Yield)ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์เชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปี2551 Dividend Yield ของกลุ่มอยู่ที่ 10-15% เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่มี Dividend Yieldอยู่เพียง10% และคาดว่าทั้งปี 2552จะเพิ่มขึ้นจากปี 2551เนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อ และสะท้อนกำไรสุทธิที่ขยายตัวได้ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
อีกทั้งเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะเริ่มเข้ามาลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น โดยผลสำรวจพบว่านักลงทุนเริ่มลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารในระยะยาว 12 เดือนมากขึ้น ซึ่งปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุนอาจมาจาก Dividend Yield ที่เพิ่มสูงในอนาคต การตั้งสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)สูงกว่า 70% อีกทั้งมีการบริหารNPLที่ดี และหลังจากรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจคาดว่าสินเชื่อกลุ่มจะขยายตัวขึ้น 7-8% ขณะที่นักลงทุนรายย่อยในประเทศเข้า “เก็งกำไร” เพื่อหวังผลตอบแทนสูงระยะสั้น
“ นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนระยะยาว 12 เดือน เชื่อว่าจะเริ่มเห็นราคาหุ้นแบงก์ปรับเพิ่มขึ้น อีกทั้งความสามารถทำกำไรมีสูง ซึ่งมองว่าปี 2552กลุ่มแบงก์จะมีกำไรต่อหุ้นสูง 6-7% แม้จะลดลงจากปี 2551ที่โต700% เพราะปี2551ไม่มีภาระตั้งสำรองสูงเท่าปี2550 แนะนำลงทุนกลุ่มแบงก์สูงกว่าตลาด”นายวรุตม์ กล่าว
สำหรับธนาคารที่คาดว่าจะเป็นหุ้นเด่นปี 2552 คือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)KTB แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเหมาะสม 6.20 บาท มีupside ถึง55% เพราะมี Dividend Yield มากกว่า 10% และความคาดหวังจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐตามโครงการต่างๆ อีกทั้งการประมูลเงินให้สินเชื่อกับรัฐวิสาหกิจ ซึ่งคาดว่าKTB มีโอกาสได้มากกว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ทั้งปี2552 KTBสินเชื่อจะลดลงเล็กน้อยหรืออาจเพิ่มขึ้นจากปี 2551ที่มีสินเชื่อขยายตัว 9.6% ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ Dividend Yieldของธนาคารสูงต่อเนื่อง
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการ ผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี จำกัด กล่าวว่า ผลการประชุมนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า กลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็นกลุ่มเดียวที่มีเงินปันผลต่อหุ้นเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 3.3% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มสถาบันการเงินไทยแข็งแกร่งทั้งความสามารถทำกำไร และฐานเงินทุน แต่ไม่ได้เป็นปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นเพราะนักลงทุนจะเข้ามา “เก็งกำไร” หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ตามกระแสข่าวในสหรัฐเท่านั้น
ดังนั้นการเข้าลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารสัปดาห์นี้(18-20 มี.ค.)จะมาจากแรง “เก็งกำไร” เพื่อรับข่าวสถาบันการเงินสหรัฐ หลังจากซิตี้กรุ๊ปอาจปฏิเสธวงเงินช่วยเหลือของรัฐบาลหรือเจพีมอร์แกนและแบงก์ออฟอเมริกามั่นใจว่าบริษัทจะสามารถมีกำไรสุทธิได้ในไตรมาส 1/2552 แต่ผลกระทบจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่กดกำไรสุทธิทั้งปีให้ลดลง
|