ทันหุ้น-กระทรวงอุตสาหกรรมย่องจีบนักลงทุนจีน ฟุ้งกลุ่มอาหาร-เหล็ก-อิเล็กทรอนิกส์-ยานยนต์-นิคมเนื้อหอม มั่นใจกระทุ้งยอดบีโอไอสะพัด 4 แสนล้านบาท  ส่วนผู้บริหารROJNA “อมรา เจริญกิจวัฒนกูล”ดี๊ด๊าแต่งที่ดิน 2,000 ไร่รอ วาดฝันยอดขายที่ดินกระเตื้อง ด้านผู้บริหาร SAT “วีระยุทธ กิตะพาณิชย์”ไม่หวังน้ำบ่อหน้า เล็งเจาะตลาดใหม่  พ่วงขยายลูกค้ากลุ่มแทรคเตอร์ ฟันรายได้ปีละ 300 ล้านบาท คาดสรุปผลไตรมาส 3/2552

 จากกระแสข่าว นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะเดินทางไปประเทศจีนในวันที่ 30 มีนาคมนี้ เพื่อประสานงานกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งเป็นนักลงทุนระดับพันล้านขึ้นไปรวมแล้วหลายหมื่นล้านบาท โดยนักลงทุนที่จะไปพบครั้งนี้มีกำหนดการแน่นอนว่าจะเข้ามาลงทุนในไทย และบางรายมีการลงทุนในไทยอยู่แล้ว แต่ต้องการขยายกิจการมากขึ้น อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร,เหล็ก,อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ เป็นต้น รวมทั้งกลุ่มนักลงทุนจีนสนใจเข้ามาลงทุนจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วมกับนักลงทุนไทยด้วย ทั้งนี้มั่นใจว่ายอดการลงทุนที่บีโอไอจะเป็นไปตามเป้า 4 แสนล้านบาท

 นางสาวอมรา เจริญกิจวัฒนกูล กรรมการ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) ROJNA กล่าวว่า แม้กระแสข่าวนี้จะยังไม่สามารถระบุตัวเลขการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนจีนชัดเจน แต่เป็นนิมิตหมายที่ดีต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมมากภายใต้สมมุติฐานรัฐบาลจะต้องดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) เข้ามาลงทุนในไทยได้จริง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกค้า

 อย่างไรก็ตาม หากพิจารณากลุ่มอุตสาหกรรมที่เป้าหมายหลักของกระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญของ ROJNA เช่นกัน โดยเฉพาะ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และยานยนต์ เป็นต้น และปัจจุบันบริษัทจะมีที่ดินรอการพัฒนาและอยู่ระหว่างการพัฒนารวมพื้นที่สูงกว่า 2,000 ไร่ ซึ่งเชื่อว่าจะรองรับความต้องการลูกค้าจากจีนและประเทศอื่นในอนาคต

 “ทุกคนมีสิทธ์ที่จะได้กินเค้กก้อนนี้ แต่ชิ้นใหญ่ชิ้นเล็กอยู่ที่การตัดสินใจลูกค้าและความพร้อมของผู้ประกอบการ เบื้องต้นมีพื้นที่รองรับนักลงทุนที่จะเข้าใหม่ได้อีกมาก โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมอยุธยา ซึ่งมั่นใจว่าจะรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารได้ดี เพราะมีทำเลที่ตั้งเหมาะสมต่อการผลิต เช่น โซนน้ำ และระบบขนส่ง ส่วนกลุ่มยานยนต์จะมีลูกค้ารายใหญ่คือกลุ่มฮอนด้าอยู่แล้ว” นางสาวอมรา กล่าว

 ด้านนายวีระยุทธ กิตะพาณิชย์ กรรมการ บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) SAT กล่าวว่า หากการประสานงานกับกลุ่มนักลงทุนขนาดใหญ่ในจีนของกระทรวงอุตสาหกรรมออกมาดีกลุ่มชิ้นส่วนยายนต์จะได้รับผลบวก แต่ต้องติดตามระยะยาวว่านักลงทุนจีนจะเข้ามาลงทุนลักษณะใด และมีวงเงินลงทุนอย่างไร รวมทั้งยังเป็นมาตรการกระตุ้นระยะยาว

 “มาตรการที่รัฐบาลออกมาสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นการกระตุ้นยอดซื้อในระยะยาว แต่ตอนนี้เราสนใจระยะสั้น 1-2 ปีมากกว่าว่ารัฐจะมีอะไรออกมาช่วยเหลือบ้าง เพราะปีนี้น่าห่วงมาก ซึ่งกลุ่มโตโยต้ามียอดขายรถยนต์ช่วง 2 เดือนลดลงกว่า 30%แล้ว”นายวีระยุทธ์กล่าว

 ทั้งนี้ยอมรับว่าผลการดำเนินงานบริษัทไตรมาส 1/2552 อาจปรับลดลงได้สูงถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายประมาณ 1,200 ล้านบาท แต่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ขาลง ได้แก่ การเร่งหาตลาดส่งออกใหม่ที่มีความต้องการใช้สูง ซึ่งกำลังพิจารณากลุ่มอเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ เพิ่มขึ้นจากเดิมจะมีลูกค้าในแถบเอเชีย เช่นจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน เป็นต้น โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปไตรมาส 3/2552

 นอกจากนี้ ได้ขยายฐานลูกค้าในกลุ่มผู้ผลิตที่ไม่ใช้รถยนต์ (Non-Cars) แต่ใช้ชิ้นส่วนเหมือนกัน เช่น รถแทรคเตอร์ โดยขณะนี้บริษัทได้ลูกค้าในกลุ่มคูโบต้า ซึ่งเข้ามาลงทุนในไทยและจะมีกำลังการผลิตเต็มที่ช่วงเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมนี้

 “ปีนี้ยอมรับว่าผลการดำเนินงานจะดีกว่าอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะลดลงกว่า 30-40% แต่คงไม่ดีเท่าปีก่อนที่มียอดขาย 5,800 ล้านบาท ซึ่งจะหาวิธีที่ไม่ทำให้ยอดขายลดลงมากนัก ซึ่งการขยายฐานลูกค้าใหม่นี้ช่วยสร้างรายได้ให้บริษัทเฉลี่ยปีละประมาณ 300 ล้านบาท”นายวีระยุทธ กล่าว

 นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ฟาร์อีสท์ จำกัด กล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นเป้าหมายของกระทรวงอุตสาหกรรมต้องรอผลสรุปเจรจาวันที่ 30 มีนาคมก่อนว่าจะได้รับผลบวกอย่างไรบ้าง แต่หากเกิดขึ้นจริงจะส่งผลดีต่อเนื่องถึงอัตราจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย และเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งช่วงนี้แนะ “รอจังหวะลงทุน”กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ,ยานยนต์ และนิคมฯเนื่องจากยังได้รับแรงกดดันเศรษฐกิจถดถอย โดยประเมิน SAT ที่แนวรับ 3.28 บาท แนวต้าน 3.50 บาท และROJNA ให้แนวรับ 3.24 บาท และแนวต้าน 3.40 บาท