April 25, 2024   6:50:27 PM ICT
หมวดที่ 1 หุ้นและตลาดหุ้น
     ในโลกเศรษฐกิจเสรี เช่น เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน เรื่องราวเกี่ยวกับหุ้นและตลาดหุ้น มีให้เราเห็นกันอยุ่ตลอดเวลาในแทบทุกๆที่ ทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์ นิตยสาร รายการวิทยุ รายการโทรทัศย์ และตามสื่อแขนงต่างๆ ซึ่งเปิดโอกาสให้เราได้บริโภคเอาองค์ความรู้ด้านข้อมูลข่าวสารกันอย่างเต็มที่  ตลาดหุ้นและหุ้นเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราอย่างไร  ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศอย่างไร เหตุใดรัฐบาลจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เราลองมาค้นหาคำตอบกันครับ -         ตลาดหุ้น ตลาดหุ้น หรือ ตลาดหลักทรัพย์  คือศูนย์กลางในการซื้อ-ขาย ”หุ้น”หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า ”หลักทรัพย์” ให้กับบริษัทต่าง ๆ  ที่นำหุ้นมาเสนอขายให้กับประชาชน เพื่อการระดมทุนไปใช้ในการพัฒนาขยายกิจการ หรือการลงทุนต่อ รวมทั้งยังเป็น เป็นผู้ให้บริการระบบการซื้อขายหลักทรัพย์  การชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ ( clearing house ) การรับฝากหลักทรัพย์ (securities depository)  เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยนั้น แบ่งแยกตามขนาดทุนจดทะเบียนของบริษัท จะมีด้วยกัน2ตลาด นั่นคือ ตลาดSET และตลาดMAI โดย บริษัทที่จะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดSETได้จะต้องมีทุนจดทะเบียนมากกว่า 200 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทที่มีทุนจดทะเบียนน้อยกว่า 200 ล้านบาท สามารถที่จะจดทะเบียนเข้าซื้อขายได้ในตลาดMAI   - หุ้น และหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหุ้น          หลังจากพอทราบคร่าวๆเกี่ยวกับตลาดหุ้นแล้ว สิ่งต่อมาที่เราซึ่งเป็นนักลงทุนจะต้องรู้จัก นั่นคือ สินค้าที่ซื้อขายกันอยุ่ในตลาดหุ้น  ซึ่งในปัจจุบันตราสารทุนที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นั้น  ประกอบไปด้วย ตราสารต่างๆเหล่านี้ ได้แก่ หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นกู้ หุ้นกู้แปลงสภาพ ใบสำคัญแสดงสิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิระยะสั้น ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ และหน่วยลงทุน เรามาทำความรู้จักตราสารเหล่านี้กันครับ   หุ้นสามัญ ( Common Stock )       หุ้นสามัญเป็นสินค้าในตลาดหุ้นที่มีปริมาณมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับตราสารอื่นๆ โดยเป็นตราสารประเภทหุ้นทุน ซึ่งออกโดยบริษัทมหาชนจำกัด ที่ต้องการระดมเงินทุนจากประชาชน* เพื่อให้นักลงทุนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในธุรกิจนั้น ๆ โดยตรง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือนักลงทุนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการ  มีสิทธิในการลงคะแนน เสียง ในที่ประชุมผู้ถือหุ้น อาทิ การเพิ่มทุน การจ่ายเงินปันผล การควบรวมกิจการ  ผู้ลงทุนจะมีสิทธิออกเสียง ตามสัดส่วนของหุ้นที่ถืออยู่ ผลตอบแทนที่จะได้จากการลงทุนในหุ้นสามัญ  จะสามารถแบ่งได้เป็น3ส่วนดังนี้ 1.เงินปันผลจากกำไรในธุรกิจ   2.กำไรหรือขาดทุนจากการขายหุ้น  (กำไรกรณีที่ขายได้ในราคาที่สูงกว่าราคาเมื่อซื้อมา ขาดทุนในกรณีที่ขายได้ราคาต่ำกว่าราคาเมื่อซื้อมา) 3.สิทธิใน การจองซื้อหุ้นใหม่ ในกรณีที่มี การ เพิ่มทุนจดทะเบียน   หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock)    เป็นตราสารประเภทหุ้นทุน มีข้อแตกต่างจากหุ้นสามัญคือ  ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับสิทธิในการชำระคืนเงินทุน ก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ ในกรณีที่บริษัทเลิกกิจการ หุ้นประเภทนี้มีไม่มากนัก ในตลาดหลักทรัพย์  มีการซื้อขายกันน้อยหรือภาษาเทคนิคเรียกว่ามีสภาพคล่องต่ำ  หุ้นบุริมสิทธิบนกระดานหุ้นสังเกตได้จาก สัญลักษณ์ -P ท้ายอักษรย่อ ของหุ้นสามัญ   หุ้นกู้ (Debenture) เป็นตราสารที่บริษัทเอกชนออก เพื่อกู้เงินระยะยาวจากผู้ลงทุน  ผู้ลงทุนเมื่อตัดสินใจซื้อหุ้นกู้ จะมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ของ กิจการ บริษัทจะต้องจ่ายผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือตามระยะเวลา และอัตราที่กำหนด ผู้ถือจะได้เงินต้นคืน ครบถ้วน เมื่อสิ้นสุดอายุตามระบุในเอกสาร ตลาดหุ้นกู้มักมีสภาพคล่องในการซื้อขายไม่มากนัก ส่วนใหญ่ ซื้อขายโดย ผู้ลงทุนประเภทสถาบัน หรือ ผู้ลงทุนระยะยาว   หุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Debenture)
หุ้นกู้แปลงสภาพคล้ายคลึงกับหุ้นกู้ในข้อ  แตกต่างกันตรงที่หุ้นกู้แปลงสภาพมีสิทธิที่จะแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ ในช่วงเวลา อัตรา และราคาที่กำหนดในหนังสือชี้ชวน ในช่วงที่เศรษฐกิจดี หุ้นประเภทนี้ได้รับความนิยมมาก เพราะผู้ซื้อคาดหวังผลตอบแทนที่จะได้จากราคาหุ้นเมื่อแปลงสภาพแล้ว  ซึ่งจะทำกำไรได้มากกว่าผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยของหุ้นกู้ธรรมดา   ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) เป็นตราสารที่ระบุว่าผู้ถือครองจะได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ  หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นกู้ หรือตราสารอนุพันธ์ ในราคาที่กำหนดเมื่อถึงเวลาที่ระบุไว้  (ซึ่งราคาจองซื้อมักจะกำหนดไว้ต่ำ หรือบางครั้งอาจได้รับหุ้นสามัญโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย) ใบสำคัญแสดงสิทธิ จะออกควบคู่กับการเพิ่มทุนเป็นเทคนิคการตลาด ของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์  ในการจูงใจ ให้ผู้ลงทุน จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน หุ้นบุริมสิทธิ หรือหุ้นกู้ เป็นต้นว่า  ถ้าคุณซื้อหุ้นเพิ่มทุนในวันนี้ จะได้รับใบสำคัญ แสดงสิทธิฟรี หรือในราคาที่กำหนด เช่น 12 บาท ในเวลาที่กำหนด อาจเป็นในระยะเวลา 6 เดือนหรือ 1 ปีข้างหน้า     ใบสำคัญแสดงสิทธิระยะสั้น (Short-Term Warrant) ใบสำคัญแสดงสิทธิชนิดนี้จะมีอายุไม่เกิน 2 เดือน และเป็นทางเลือกหนึ่ง  ในการระดมทุนจากผู้ถือหุ้น แทนการจัด สรรสิทธิในการจองซื้อหุ้น (Rights) และบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ สามารถยื่นคำขอให้รับเป็นหลักทรัพย์ประเภทนี้ ซื้อขายหมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ได้   ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant : DW) เป็นตราสารที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับใบสำคัญแสดงสิทธิทั่วไป (Warrant)  โดยจะให้สิทธิแก่ผู้ถือ DW ในการซื้อ หรือขายหลักทรัพย์อ้างอิง (Underlying Securities) ซึ่งอาจเป็นหลักทรัพย์ (Stock) หรือดัชนีหลักทรัพย์ (Index) ในราคาใช้สิทธิ อัตราการใช้สิทธิ  และระยะเวลาใช้สิทธิที่กำหนดไว้ โดยบริษัทผู้ออก DW (Issuer)จะเป็นผู้กำหนดว่า จะเลือก ทำการส่งมอบให้แก่ผู้ถือ DW เป็นหลักทรัพย์ หรือเงินสดก็ได้   หน่วยลงทุน (Unit Trust) คือตราสาร ที่ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)  ในรูปของหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ซึ่งเป็น รูปแบบหนึ่ง  ของการระดมเงินทุนจากประชาชน โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม  จะเป็นผู้บริหารกองทุน ให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุด แล้วนำมาเฉลี่ยคืน  ให้แก่ผู้ถือหน่วยในรูปของเงินปันผล กองทุนรวมมีหลายประเภท ซึ่งคุณ สามารถศึกษารายละเอียดได้  ในหนังสือชี้ชวนซื้อหน่วยลงทุนของแต่ละกองทุน ซึ่งจะมีการกำหนดนโยบาย การลงทุนที่ชัดเจน
เข้าชม: 4,156

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com