คุณเคยคิดจะทำให้เงินทองที่มีอยู่ งอกเงยจากการลงทุนบ้างหรือไม่? แล้วจะเริ่มต้นอย่างไร? ด้วยเงินเท่าไหร่? ผ่านช่องทางไหนดี? ทำธุรกิจ ซื้อหุ้น ขายที่ดินเก็งกำไร แล้วจะคุ้มไหม? จะได้กำไรเท่าไหร่? ใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะคุ้มทุน?

นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างของร้อยแปดคำถาม ซึ่งคุณต้องถามตัวเองก่อนจะเริ่มลงทุนกับอะไรสักอย่าง แต่ในที่สุดก็ไม่พบคำตอบที่ทำให้ฝันเป็นจริงได้สักที

นั่นก็เป็นเพราะ คนส่วนใหญ่ยังอาจขาดความชำนาญและขาดประสบการณ์ในการตัดสินใจลงทุน ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่สามารถหวังพึ่งจากดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำแสนต่ำ ยิ่งหันไปดูกระดานหุ้น ต้นปีก็ไต่ไปถึง 800 จุดแล้ว แต่ตอนนี้ก็กลับลงมาอยู่ที่ 600 จุด จะเข้าดีไหม ถ้าเข้าแล้วหุ้นร่วงลงมาอีก

กล้าๆ กลัวๆ อยู่อย่างนี้ แถมไม่มีเวลาเพียงพอที่จะศึกษาและติดตามข้อมูล ข่าวสารต่างๆ ได้ด้วยตนเองตลอดเวลา ก็คงต้องยอมรับสภาพดอกเบี้ยต่ำต่อไป

ใครๆ ก็ทราบกันดีว่า การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ทำอย่างไรถึงจะลดความเสี่ยงลงได้ ซึ่งหลักการสำคัญ

อันดับแรกก็คือ การกระจายความเสี่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงการลงทุนที่กระจุกตัวอยู่ในหลักทรัพย์ใดหลักทรัพย์หนึ่ง โดยกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์แต่ละตัว แต่ละหมวดอุตสาหกรรม หรือ ในทรัพย์สินหลากหลายประเภท เป็นต้น

ประการที่สองคือ การศึกษาหาความรู้และข้อมูล รวมถึงการติดตามสภาวะการลงทุนอย่างใกล้ชิด และปรับเปลี่ยนการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และการคาดการณ์ แต่นั่นหมายถึง คุณต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มีอยู่มานั่งเฝ้ากระดานหุ้นเป็นงานประจำ แทนที่จะได้ทำธุรกิจการงานที่มีอยู่ควบคู่ไปกับการลงทุน

เครื่องมือที่คุณควรพิจารณาคือ เลือกมืออาชีพในการจัดการกับเงินออมของคุณ โดย ?การลงทุนผ่านกองทุนรวม? ซึ่งเป็นเครื่องมือการลงทุนของผู้ลงทุนที่มีความประสงค์ที่จะนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน แต่ติดขัดที่ไม่มีความรู้ความชำนาญในการลงทุน หรือไม่มีเวลาเพียงพอที่จะติดตามการลงทุนได้ด้วยตนเอง แต่การลงทุนผ่านกองทุนรวมนั้น ก็มีข้อได้เปรียบ/เสียบเปรียบ เมื่อเทียบกับการที่คุณลงทุนด้วยตนเอง ดังนี้

ข้อได้เปรียบ

๐มีมืออาชีพ มีความรู้ความชำนาญบริหารเงินให้

๐สามารถลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ดีกว่า ด้วยการกระจายการลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์ต่างประเภท

๐มีนโยบายที่หลากหลาย ให้ผู้ลงทุนเลือกลงทุนได้ตามความเหมาะสม

๐ใช้เงินลงทุนน้อยกว่า

๐ช่วยประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายในกระบวนการลงทุน

๐ให้ความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อขาย

๐มีสภาพคล่องสูง

๐ได้รับประโยชน์ทางภาษี

๐เป็นผู้ลงทุนสถาบัน จึงได้รับประโยชน์มากกว่า

๐มีกลไกป้องกันผู้ถือหน่วยลงทุน

ข้อเสียเปรียบ

๐มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการต่างๆ ค่าธรรมเนียมผู้ดูแลผลประโยชน์ ค่านายทะเบียน ค่าตรวจสอบบัญชีฯลฯ ดังนั้น ก่อนลงทุนทุกครั้งคุณต้องทราบว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ที่จะต้องถูกเรียกเก็บจากกองทุน รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่หักโดยตรงจากผู้ซื้อหน่วยลงทุน เช่น ค่าธรรมเนียมการขาย ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน ค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยนหน่วยลงทุน เป็นต้น

๐กองทุนรวมมีเกณฑ์บังคับในการถือครองทรัพย์สิน เช่น การลงทุนในกองทุนรวมประเภทหุ้นทุน ที่กองทุนต้องลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ดังนั้นผู้ลงทุนจึงควรศึกษาหนังสือชี้ชวนให้ละเอียดก่อนลงทุน ว่ากองทุนนั้นๆ เหมาะสมกับตนเองหรือไม่

ที่สำคัญคือ คุณต้องเข้าใจว่า การลงทุนกับกองทุนรวมแตกต่างกับการฝากเงินในธนาคารโดยสิ้นเชิง เพราะมีเรื่องระดับความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทนที่ควรคาดหวังจากกองทุนรวมแต่ละประเภทเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ก่อนจะลงทุน คุณควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนว่าความเสี่ยงของกองทุนแต่ละประเภทอยู่ที่ไหน และต้องใช้ระยะเวลานานเท่าใดในการลงทุน

เริ่มต้นเพียงเท่านี้ คุณก็จะเป็นนักลงทุน ผู้มีกองทุนรวมเป็นเครื่องมือในการลงทุน...ช่วยนำพาสู่การลงทุนอย่างถูกทาง

ที่มา www.bangkokbizweek.com คอลัมย์ Lifestyle Investment