May 3, 2024   5:44:25 PM ICT
รับเหมา-เหล็ก-ยายนต์ผงาด หยิบชิ้นปลามันรัฐป้อนงาน
ทันหุ้น-ครม.ไฟเขียวแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 นำร่องรัฐสภาดันพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทผ่านฉลุยในวันนี้ ส่วนคมนาคมยิ้มโกยงบกว่า 5.75 แสนล้านบท ลุยโครงการสร้างถนนและรถไฟฟ้าเต็มสูบ ด้านรฟม.แบ๋ไต๋เปิดซองสีม่วง สัญญา 3 วันที่ 18 มิถุนายน โบรกชี้ปีนี้กลุ่มรับเหมาเสือนอนกิน คาดพ.ร.ก.กู้เงินไม่สะดุด เชียร์ “ซื้อ” CK-ITD-SEAFCO ด้านกลุ่มเหล็ก-ยานยนต์ ใจชื้น รัฐหั่นภาษีนำเข้าเหล็กเหลือ 0%


     นายสมชัย  สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งหน้า นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเสนอ เรื่องภาษีการนำเข้าเหล็ก 0% ตามข้อตกลงทางการค้าเสรีไทย-ญี่ปุ่น (เจเทป้า) หลังได้ข้อสรุปเรื่องการตีความการนำเข้าเหล็ก เดิมที่จะจำกัดให้สิทธิประโยชน์อยู่แค่ผู้ประกอบการบางธุรกิจเท่านั้น


รัฐหั่นภาษีนำเข้าเหล็ก 0%
 ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ ทั้งผู้ประกอบการชิ้นส่วนยายนต์ และประกอบรถยนต์ อย่าง โตโยต้า ฮอนด้า เป็นต้น ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวโดยแนวทางดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนในการผลิต ซึ่งทำให้มีโอกาสที่ราคารถยนต์ หรืออุปกรณ์ยานยนต์ในประเทศมีราคาลดลง และช่วยกระตุ้นยอดซื้อปรับสูงขึ้นได้
 นายโกเวท ลิ้มตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) TKT กล่าวว่า การสนับสนุนของรัฐนี้ เป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ให้สามารถทรงตัวอยู่ได้ และต้นทุนที่จะต้องถูกลงในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และธุรกิจยานยนต์ในประเทศ ทำให้อาจฟื้นตัวรวดเร็วขึ้น แต่ยังเชื่อว่ากลุ่มยานยนต์จะฟื้นตัวได้ถาวรต้องอาศัยกำลังซื้อของประชาชนเป็นหลัก  


 นายปริญทร์  กิจจาทรพิทักษ์  นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอสวิคเคร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กลุ่มยานยนต์จะได้ประโยชน์ เพราะราคาวัตถุดิบที่จะปรับตัวลดลง เพราะนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดยผู้ประกอบการที่ได้รับผลบวกมากสุด คือ บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) SAT, บริษัท อาปิโก ไฮเทคจำกัด (มหาชน) AH, บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) STANLY  

 ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด กล่าวว่า สัญญาณเทคนิคในกลุ่มยานยนต์ขณะนี้ยังเป็นช่วงขาลงอยู่ ส่วนใหญ่แนะนำขาย โดยให้แนวรับ AH ที่ 4.60 บาท แนวต้านที่ 5.15 บาท SAT แนวรับที่ 5.70 บาท แนวต้านที่ 6.30 บาท STANLY แนวรับที่ 88.00 บาท แนวต้านที่ 98.00 บาท


ครม.ไฟเขียวแผนเศรษฐกิจเฟส2
 นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณสำหรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 รอบที่ 1 ตั้งแต่ ปี 2553-2555 วงเงิน 1.56 แสนล้านบาทเรียบร้อยแล้ว โดยกระทรวงคมนาคมได้รับอนุมัติวงเงินรวมกว่า 5.75 แสนล้านบาท โดยจะใช้สำหรับใช้หนี้เงินกู้ และลงทุนในโครงการใหม่ๆ โดยในปี 2553 จะใช้ดำเนินการในกิจการขนส่งทางถนนกว่า 6.75 หมื่นล้านบาท และระบบรถไฟฟ้ากว่า 4 หมื่นล้านบาท 


 ขณะที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ยืนยันว่าโครงการที่มีความสำคัญ และขอให้บรรจุในแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 รอบที่ 1 ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ส่วนต่อขยายช่วงสะพานใหม่-ลำลูกกาคลอง 4 โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน ส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ-บางปู โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย- มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงบางกะปิ- มีนบุรี


 ด้านนายชูเกียรติ โพธยานุวัตร ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่ารฟม.เตรียมจะเปิดซองประกวดราคา โครงการรถไฟฟ้า สายสีม่วง สัญญาที่ 3 ช่วงงานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถ 4 แห่ง วงเงิน 5,962 ล้านบาท ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้


 นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนี้ตี้ จำกัด กล่าวว่า กลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งล่าสุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 มีวงเงินสูงถึง 1.56 แสนล้านบาท และส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน


 “แม้ว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ต้องรอเงินจากพ.ร.ก.กู้เงิน และพ.ร.บ.4 แสนล้านบาทก่อน แต่ตลาดส่วนใหญ่เห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหา และจะผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภาได้ในวันนี้ (16 มิ.ย.52)” นักวิเคราะห์กล่าว


 อย่างไรก็ตามมองว่ากว่าที่ผู้รับเหมาก่อสร้างจะได้ประโยชน์น่าจะเป็นในช่วงปีหน้ามากกว่า เนื่องจากขั้นตอนงานภาครัฐค่อนข้างช้า โดยเฉพาะโครงการที่มีมูลค่าสูงกว่า 1,000 ล้านบาท จะต้องขออนุมัติจากครม.


  ส่วนโครงการรถไฟฟ้ายังคงส่งผลให้กลุ่มรับเหมาก่อสร้างมีการเก็งกำไรกันต่อเนื่อง จากการเปิดซองราคาสายสีม่วงสัญญา 3 ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลได้ภายในเดือนนี้ และน่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ในปลายไตรมาส 4/2552 อีทั้งคาดว่าในปีนี้จะสามารถประกวดราคาได้อีกอย่างน้อย 1 สาย เพื่อให้มีความได้เปรียบทางด้านการเมืองมากสุด


 ทั้งนี้แนะนำ “ซื้อ” CK ราคาเป้าหมายใหม่ 5.80 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 4.20 บาท และ ITD ราคาเป้าหมายใหม่ 3.70 บาท ปรับขึ้นจากเดิม 2.90 บาท และ “ขาย” STEC เพราะราคาเกินเป้าหมายที่ 3.80 บาท ส่วน SEAFCO จะเป็นหุ้นเด่นที่ได้ประโยชน์จากงานฐานล่างที่มากขึ้น แนะนำ “ซื้อ” แต่ยังอยู่ระหว่างการประมาณการณ์ราคาพื้นฐาน
เข้าชม: 1,712

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com