ทันหุ้น-ราคาหุ้นถ่านหินแผว รอฟื้นรอบใหม่ หลังความต้องการใช้จากจีน-อินเดียยังสูง หนุนราคาถ่านหิน BJI วิ่งแล้ว 20% จาก 63 เหรียญ/ตันมาอยู่ที่ 75.9 เหรียญ/ตัน เซียนหุ้นประเมินปี 2553 ราคาถ่านหินพุ่งแรงมากขึ้น ตามความต้องการใช้ของโรงไฟฟ้าจากจีน-อินเดีย ที่คิดเป็น 50% ของความต้องการใช้ถ่านหินโลกยังมีต่อเนื่อง เลือก BANPU-LANNA เด่น แม้ราคาแพงเกินไป แต่พื้นฐานน่าลงทุนระยะยาว ส่วนเทคนิคสบช่องหุ้นปรับฐาน แนะ ซื้ออ่อนตัว
ราคาหุ้น BANPU วานนี้ ( 15 มิ.ย.) ปิดตลาดที่ ***บาท ลดลง **บาท หรือ***% มูลค่าซื้อขายรวม**ล้านบาท และหุ้น LANNA ราคาปิดที่**บาท ลดลง**บาท หรือ**% มูลค่าซื้อขายรวม
นางสาววรรัตน์ เผ่าภคะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาถ่านหินในช่วง 2552-2553 ปรับสูงขึ้นตามความต้องการนำเข้าจากจีนและจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แต่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง 2552 ราคาถ่านหินอาจอ่อนลงหลังจากที่จีนนำเข้าน้อยลงจากช่วงครึ่งปีแรก
โดยราคาถ่านหิน BJI ปรับขึ้นมากตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 63 เหรียญ/ตันมาอยู่ที่ 75.9 เหรียญ/ตันในวันที่ 11 มิถุนายน ราคาถ่านหินปรับตัวแล้ว 20.48% และราคาถ่านหิน Newcastle สัปดาห์นี้ก็สูงขึ้นเป็น 76.8 เหรียญ/ตันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และความมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจว่าจะฟื้นตัวเร็วขึ้น
รวมทั้งการที่ผู้ผลิตถ่านหินและโรงไฟฟ้าในจีนยังไม่สามารถตกลงราคาซื้อขายถ่านหินประจำปีทำให้จีนนำเข้าถ่านหินเป็นจำนวนมาก และผลักดันให้ราคาถ่านหินปรับขึ้นเหนือ 70 เหรียญ/ตันได้อีกครั้ง
ขณะที่แนวโน้มความต้องการในช่วงครึ่งปีหลัง 2552 ยังคงดี โดยเฉพาะถ่านหินประเภท Thermal จะยังดีตามความต้องการนำเข้าของจีน เพราะราคาถ่านหินนำเข้า อยู่ที่ระดับ 60-70 เหรียญ/ตัน ราคา ซึ่งยังต่ำกว่าราคาถ่านหินในประเทศที่มีราคา 90 เหรียญ/ตัน
อย่างไรก็ตามราคาถ่านหินอาจจะอ่อนตัวลงมาบ้าง เพราะจีนได้นำเข้าในช่วงครึ่งปีแรก 2552 ค่อนข้างสูง โดยกรมศุลกากรของจีนรายงานว่า จีนนำเข้าถ่านหินสูงสุดในเดือนเม.ย.ที่ 9.16 ล้านตัน และยอดนำเข้าถ่านหิน 4 เดือนแรกเพิ่มขึ้นถึง 55.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 22.77 ล้านตัน
รวมทั้งโรงไฟฟ้าในจีนได้ทำสัญญาซื้อขายถ่านหินในระยะยาวกับผู้ผลิตถ่านหินในประเทศได้แล้ว และจากราคาถ่านหินนำเข้าที่เริ่มสูงขึ้นเมื่อรวมกับค่าระวางเรือที่เริ่มเพิ่มขึ้นอาจทำให้แรงจูงใจในการนำเข้าของจีนลดลง คาดว่าจะทำให้แนวโน้มราคาถ่านหิน Thermal ในช่วงครึ่งปีหลัง 2552 อาจอ่อนลงจากปัจจุบันได้
ส่วนแนวโน้มปี 2553 คาดว่าความต้องการใช้ และราคาถ่านหินน่าจะดีขึ้นอีกครั้ง เพราะความต้องการใช้ถ่านหินจากจีนและอินเดียซึ่งคิดเป็นประมาณ 50% ของความต้องการใช้ถ่านหินของโลกจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยจีนมีนโยบายการปิดเหมืองขนาดเล็กและเหมืองที่ไม่ปลอดภัยในการผลิตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศยังคงสูงขึ้นหลังภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว จะทำให้มีการนำเข้าถ่านหินมากขึ้น เพราะราคาถ่านหินถูกกว่าในประเทศ ส่วนอินเดียคาดว่าจะมีการนำเข้ามากขึ้นตามโรงไฟ ฟ้าถ่านหินที่จะเพิ่มมากขึ้นทุกปี
ดังนั้นจึงเลือก BANPU และ LANNA เป็นหุ้นเด่น โดยประเมินว่าแนวโน้มไตรมาส 2/2552 ของ BANPU อ่อนลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2552 เพราะคาดว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจถ่านหินในจีนลดลง ที่หยุดการผลิตทำให้ต้นทุนลดลงกว่าปกติ แต่ในไตรมาส 2/2552 จะกลับมาเดินเครื่องจักรปกติอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับขึ้นสู่ระดับปกติ รวมทั้งไม่มีเงินปันผลจาก RACTCH ที่รับรู้ไปในไตรมาสแรกแล้ว จึงประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะมีกำไรปกติจะอยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.6% จากปีก่อน และลดลง 21.1% จากไตรมาสแรก
อย่างไรก็ตามยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2552 ไว้ที่ 11,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.1% จากปีก่อน และปี 2553 อยู่ที่ 11,430 ล้านบาท ลดลง 2.9% จากปีก่อน แต่ประมาณการกำไรปกติปี 2553 อาจดีขึ้นกว่าที่คาด หากแนวโน้มราคาถ่านหินสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้อย่างยั่งยืน จึงแนะนำทยอย ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ราคาพื้นฐานปี 2552 ที่ 390 บาท เพิ่มขึ้นจาก 325 บาท
ส่วนหุ้น LANNA ประเมินว่า ไตรมาส 2/2552 ธุรกิจถ่านหินจะดีขึ้นเพราะกลับมาผลิตถ่านหินตามปกติ จากไตรมาสแรกปิดเหมืองที่ 1 (LHI) ชั่วคราว ทกให้มีปริมาณถ่านหินน้อย ทำให้คาดว่าไตรมาส 2/2552 กำไรปกติจะกลับมาดีขึ้น จากการผลิตได้เต็มที่ตามปกติและจะมีปริมาณผลิตเพิ่มจากเหมืองแห่งที่ 3 (SGP) ที่เริ่มผลิตออกจำหน่ายได้ในเดือนมิถุนายนนี้ ประมาณ 5 หมื่นตัน ส่วนธุรกิจเอทานอลคาดว่าจะดีขึ้นเช่นกัน เพราะราคาเอทานอลปรับขึ้น ประมษณ 23% จากไตรมากส่อน
| | เข้าชม: 1,619 |
|
