May 3, 2024   5:56:43 PM ICT
โบรกเพิ่มเป้าBBL-KBANK สินเชื่อQ2สัญญาณมีแววฟื้น
ทันหุ้น-หุ้นแบงก์มีแววรุ่งอนาคตเริ่มดี โบรกเห็นสัญญาณสินเชื่อไตรมาส 2 เริ่มโต หลังจากความต้องการสินเชื่อในระบบเริ่มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและการหันมากู้ในประเทศ ขณะที่หนี้เน่าเริ่มนิ่งแบงก์ขายทิ้งหลังหวั่นเป็นภาระตั้งสำรอง  ดีบีเอส วิคเคอร์สแนะสอย BBL และ KBAK พร้อมเพิ่มราคาเป้าหมายหลังเห็นพื้นฐานแกร่ง
 นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  บริษัทได้มองเชิงบวกการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้น เพราะเชื่อว่าทั้งราคาหุ้นและปัจจัยพื้นฐานของกลุ่มธนาคารพาริชย์จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง  ภายหลังจากความต้องการสินเชื่อของรัฐวิสาหกิจเริ่มเพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมทั้งบริษัทขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศก็เริ่มหันมากู้ในประเทศไทยมากขึ้นด้วย


 เพราะฉะนั้นฝ่ายวิจัยเชื่อว่าสินเชื่อจะเริ่มค่อยๆเติบโตเพิ่มขึ้นตั้งช่วงไตรมาส 2/52  จึงมองว่าสินเชื่อปี 52 จะเติบโตอยู่ที่ 0.7%  โดยหุ้นที่เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม และฝ่ายวิจัยแนะนำ “ซื้อ” และได้ปรับประมาณการเพิ่มขึ้น คือ BBL ราคาเหมาะ 125.50 บาท เพราะธนาคารมีการตั้งสำรองสูงที่สุดในกลุ่ม และมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(BIS)สูงจึงสามารถรองรับการเพิ่มขึ้นของ NPL ในอนาคตได้  ส่วน KBANK ราคาเหมาะสม 84 บาท เพราะมีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง อีกทั้งมี NPL อยู่ในระดับต่ำมาก 


 อย่างไรก็ตามกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงสัปดาห์นี้(16-19มิ.ย.52) แนะนำเพียง “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” เพราะที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมามาก โดยนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ถึงปัจจุบันดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 70% โดยมีหุ้นบางตัวที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มมากกว่า 100% เพราะฉะนั้นอาจจะเริ่มเป็นช่วงที่หุ้นเริ่มปรับตัวพักฐานได้ 


     รวมทั้งการเข้าซื้อกิจการของธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) BAY และธนาคาร ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) TISCO  โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง TISCO จะเข้าซื้อกิจการเพิ่มเป็นมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท  เป็นปัจจัยที่ทำให้สินเชื่อทั้งระบบปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ขณะที่สินเชื่อปี 53 จะสามารถเติบโตได้ถึง 3.4% 


 แม้ฝ่ายวิจัยจะยังกังวลการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในช่วงไตรมาส 2/52 เพราะเป็นไตรมาสที่มี NPL สูงสุดอยู่ที่ 7.7%  เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/52 ที่มี NPL อยู่ที่ 7.4% และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนต่างกังวลและ “เทขาย”หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา แต่ฝ่ายวิจัยกลับมองว่า NPL ตั้งแต่ไตรมาส 3/52เป็นต้นไปจะเริ่มปรับตัวลดลงเพราะธนาคารพาณิชย์เริ่มหันมาขาย NPL ออกมากขึ้น โดย BAY  และ SCIB จะขาย NPL ออกในช่วงที่เหลือของปีรวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ TMB ในช่วงเดือน เม.ย 52ได้ขาย NPL ออกไปบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นจึงส่งผลให้ NPL ในระบบปรับตัวลดลง
 ด้านนายธนัท   รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยจะยังคงเป้าราคาเหมาะสมของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดย BBLราคาเหมาะ 98 บาท, KANKราคาเหมาะ 62 บาท, SCB ราคาเหมาะ 70 บาท, KTBราคาเหมาะ 7.70 บาท,  SCIBราคาเหมาะ 16บาท และ TISCOราคาเหมาะ  18  บาท แม้ว่าราคาหุ้นปัจจุบันจะสูงกว่าราคาเหมาะสมที่ฝ่ายวิจัยประมาณการณ์ไว้ก็ตาม


 เพราะเชื่อว่าดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเริ่มอยู่ในช่วงพักฐานและเชื่อว่า 1-2 วันข้างหน้ามีโอกาสที่ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะปรับตัวลดลง 3 บาทต่อหุ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวลดลงมาเท่ากับหรือใกล้เคียงกับราคาเหมาะสมของฝ่ายวิจัย ซึ่งกลยุทธารลงทุนแนะนำลงทุน “เท่ากันตลาด”


 นายธนัท กล่าวว่า แม้ในไตรมาส 2/52 NPL จะยังทรงตัวสูงแต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังจำนวน NPL จะเริ่มปรับตัวลดลงจากการบริหารหนี้ และการขายNPL ออก โดยกลุ่มที่จะมี NPL ลดลงเร็วที่สุด คือรายย่อยที่เป็นสินเชื่อประเภทเช่าซื้อ เพราะสามารถยึดรถยนต์และขายเข้าตลาดได้ทันที โดยธนาคารที่ได้รับอนิสงส์คือ TISCO , KK และ TCAP
เข้าชม: 1,500

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com