ทันหุ้น-หุ้นร่วงหนักแต่ทุนนอกยังอยู่ในไทย นักลงทุนโยกหาพันธบัตร เหตุขอรอดูทิศทางเศรษฐกิจ จากเม็ดเงินกระตุ้นจากพรก. 4 แสนล้านบาท หากสัญญาณเริ่มฟื้นตัวพร้อมบุกตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง ล่าสุดค่าเงินบาทปิดตลาดทรงตัวที่ 34.12-34.16 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
นายตรรก บุญนาค ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสฝ่ายบริหารการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) BAY เปิดเผยว่า แม้สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันในประเทศ อีกทั้งตลาดยังอยู่ในช่วงพักฐานตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่เม็ดเงินลงทุนกลับก็ไม่ได้ไหลออกจากปะเทศแต่อย่างใด โดยค่าเงินบาทยังทรงตัวซึ่งไม่สามารถผ่านที่ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้
เนื่องจากมีการโยกการลงทุนในตลาดพันธบัตรมากขึ้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นในตลาดปรับตัวเพิ่มสูงซึ่งอาจจะเสี่ยงต่อ “แรงขายทำกำไร”ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งที่นักลงทุนต่างชาติยังไม่ถอนการลงทุนออกจากประเทศไทยนั้น เนื่องจากนักลงทุนต่างรอดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วยเม็ดเงินลงทุน 4แสนล้านบาทว่าจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังได้มากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้หากสามารถฟื้นเศรษฐกิจได้จริงก็มีโอกาศที่นักลงทุนต่างจะเริ่มเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวได้และการที่ประเทศไทยไม่ได้ประสบวิกฤติเศรษฐกิจโดยตรงส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติยังไม่ถอนการลงทุนในประเทศไทยในช่วงนี้ โดยคาดว่าค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 34.05-34.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ด้านนักค้าเงินธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BBL กล่าวว่า ค่าเงินบาท(18มิ.ย.52) ปิดตลาดที่ระดับ 34.12-34.16 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งระหว่างวันเคลื่อนไหวอ่อนค่าที่ระดับ 34.17 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และเคลื่อนไหวแข็งค่าสุดที่ระดับ 34.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินบาททรงตัวเท่ากับวันที่ 17มิ.ย.52ที่ระดับ34.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในยังไม่มีแผนการนำรัฐวิสาหกิจเข้าสู่ตลาดทุนในช่วงนี้ ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 จะไม่เน้นการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ แต่จะให้ความสำคัญกับการลงทุนโครงการขนาดเล็กที่กระจายไปทั่วประเทศ ซึ่งจะเน้นไปทางระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งนี้เมื่อมองโครงสร้างเศรษฐกิจไทยมีจุดด้อยเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงการลงทุนเรื่องน้ำเพื่อส่งเสริมด้านเกษตร
ส่วนการท่องเที่ยวก็เป็นเรื่องสำคัญและต้องมีมาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยวให้มีความหลากหลายมากขึ้นเพื่อหวังว่าจะเป็นการกระตุ้นที่ดี ขณะที่ปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ดังนั้นส่งผลให้นักท่องเที่ยวลดลงประมาณ 17-18% อีกทั้งประเทศไทยยังเผชิญกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ยังไม่ฟื้นตัว | | เข้าชม: 1,402 |
|
